งูทะเล สิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่มาพร้อมกับพิษอันตราย

by animalkingdom
324 views
งูทะเล

สิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์บนโลกใบนี้ ได้รับการออกแบบมาให้มีความสามารถในการอยู่รอดแตกต่างกันออกไป อย่างเช่น บางตัววิ่งไว บางตัวแข็งแกร่ง หรือ บางตัวก็มีพิษที่ร้ายแรง อย่างเช่น “งูทะเล” สิ่งมีชีวิตที่ใครก็ไม่อยากเจออย่างแน่นอนเวลาไปเที่ยวทะเล เพราะพวกเขานั้นมีพิษที่ร้ายแรงเป็นอย่างมากและอันตรายแบบสุด ๆ สามารถเคลื่อนที่ในท้องทะเลได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตหรือมีพละกำลังมหาศาลเหมือนกับพวกปลาขนาดใหญ่ แต่ก็อันตรายถึงชีวิตเช่นเดียวกัน 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับงูทะเล สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีใครอยากเจอตอนเที่ยวทะเล

งูทะเล

งูทะเลจัดเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทงูที่ดำรงชีวิตอยู่ในทะเลตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา พวกเขาจะไม่ขึ้นมาอาศัยอยู่บนบกเหมือนพวกงูดินหรืองูที่อยู่บนพื้นแต่อย่างใด ถึงอย่างไรก็ตามก็มีบางสายพันธุ์เช่นเดียวกันที่จะขึ้นมาผสมพันธุ์และวางไข่บนบก 

แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขากำลังจะอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลหรือไม่ก็บริเวณปากแม่น้ำชายฝั่งมากกว่า ยกเว้นเพียงแค่งูบางชนิดที่จะอาศัยอยู่ในทะเลสาบน้ำจืด ซึ่งสามารถพบได้เฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์เท่านั้น 

บนโลกใบนี้มีงูทะเลรวมแล้วมากกว่า 50 ชนิด สามารถพบได้ตั้งแต่มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนาจากพื้นดินลงมาอาศัยอยู่ในน้ำ ดังนั้นเราจึงสามารถพบเห็นพวกเขาได้ทั่วไปบริเวณชายฝั่งน้ำตื้นที่มีอากาศอบอุ่น 

พวกมันมักจะกินปลาเป็นอาหาร รูปร่างภายนอกจะคล้ายคลึงกับงูที่อาศัยอยู่บนบก แต่เกล็ดของพวกเขาจะแตกต่างออกไป บางชนิดเกล็ดก็จะมีความเงามันเป็นพิเศษ บางชนิดก็จะมีเกล็ดฝังอยู่ใต้ผิวหนังทำให้ตัวลื่นเป็นเมือกลักษณะคล้ายกับเกล็ดปลา 

ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะมีหางที่แบนราบเหมือนกับใบไม้ เป็นการวิวัฒนาการร่างกายให้สามารถว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น มีสีสันที่แตกต่างกันออกไปทำให้เราสามารถแยกชนิดของพวกเขาได้ด้วยตาเปล่า เมื่อโตเต็มที่พวกเขาจะสามารถมีความยาวได้ถึง 70 เซนติเมตร และบางสายพันธุ์ก็ยังสามารถยาวได้กว่า 2 เมตร แต่ส่วนใหญ่แล้วสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในทะเลที่มีลักษณะขุ่นหรือทะเลโคลนมากกว่า 

ฟันของงูทะเลจะเป็นเขี้ยวสั้น ๆ ซึ่งสามารถมีได้กว่า 18 ซี่ พวกเขาจะมีชิ้นเนื้อขนาดเล็กใกล้เคียงกับฟองน้ำที่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในจมูกเวลาที่ต้องการดำน้ำได้ รูจมูกของแต่ละสายพันธุ์จะไม่สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างแน่นอน แต่ที่แน่นอนก็คือจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่างูที่อาศัยอยู่บนบก

นั่นก็เป็นเพราะว่า ตำแหน่งของจมูกที่สูงจะช่วยให้น้ำไม่สามารถเข้ามาในรูจมูกของพวกเขาได้ง่ายจนเกินไป ปอดข้างขวาของงูทะเลนั้นได้รับการพัฒนาให้มีความยาว โดยมีการค้นพบว่าบางสายพันธุ์ปอดจะยาวไปถึงอวัยวะขับถ่ายเลยทีเดียว ส่วนปอดข้างซ้ายนั้นก็จะมีขนาดที่เล็กลง 

นอกจากจะเอาไว้สำหรับช่วยหายใจแล้วยังทำให้พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วในท้องทะเลอีกด้วย ไม่ว่าจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือข้างหลังพวกเขาก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย แต่เมื่อขึ้นมาอยู่บนบกพวกเขากลับเคลื่อนที่ได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ไม่เพียงเท่านั้นปอดขนาดใหญ่ยังช่วยให้พวกเขาสามารถลอยอยู่บนผิวน้ำได้เป็นเวลานานนับชั่วโมงเลยทีเดียว 

งูทะเล

ในประเทศไทยของเรานั้นสามารถพบงูทะเลได้มากกว่า 10 ชนิด โดยสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดก็คือ “งูสมิงทะเลปากดำ” ที่สามารถมีความยาวลำตัวได้สูงสุดกว่า 2 เมตร แถมยังมีพิษที่ร้ายแรงที่สุดอีกด้วย สายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยมีเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่ไม่มีพิษร้ายนั้นก็คือ “งูผ้าขี้ริ้ว”หรือ ที่บางคนรู้จักกันในชื่อ งูแสม งูคออ่อน หรือ งูชายธง เป็นต้น 

พวกเขาเหล่านี้ได้รับการปรับตัวเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในทะเลได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างเช่น การไม่มีเกล็ดบริเวณหน้าท้องหรือไม่ก็มีขนาดที่เล็กลงเพื่อให้ไม่สามารถเลื้อยขึ้นมาอยู่บนบกได้ ด้วยเหตุนี้บางสายพันธุ์ที่ไม่สามารถขึ้นมาบนบกได้จึงมักจะออกลูกเป็นตัวอย่างเช่น งูชายธงท้องบาง งูอ้ายงั่ว งูคออ่อนท้องขาว หรือ งูแสมรังคอยาว เป็นต้น 

เห็นแบบนี้ความจริงแล้วพวกเขาก็มีประโยชน์กับมนุษย์อย่างเราเช่นเดียวกัน ผู้คนจากหลายพื้นที่นิยมรับประทานพวกเขาเป็นอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารสดหรือการนำเอาไปดองเหล้า การนำเอาไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารชนิดอื่นจำพวกลูกชิ้นหรือไส้กรอก เป็นต้น 

เชื่อว่าหากรับประทานเข้าไปแล้วจะสามารถแก้อาการปวดหลัง ระบบย่อยอาหารที่ผิดปกติ หรือแม้แต่ช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับได้อีกด้วย หนังของพวกเขาก็สามารถนำเอามาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหนังได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับหรือเครื่องแต่งกายก็ตาม ในประเทศไทยของเรามีการจับพวกเขาได้จำนวนกว่า 80 ตันต่อปีเลยทีเดียว 

อาการและวิธีปฐมพยาบาลเมื่อได้รับพิษจากงูทะเล

งูทะเล

งูทะเลนั้นจัดว่าเป็นสัตว์มีพิษร้ายแรง ส่วนใหญ่แล้วพิษของพวกเขาจะเข้าไปทำลายกล้ามเนื้อ ซึ่งจะออกฤทธิ์หลังจากถูกกัดไปแล้วกว่าครึ่งชั่วโมงหรืออาจจะยาวนานถึง 1 ชั่วโมง ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่ถูกพวกเขากัดจึงมักจะเสียชีวิตโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว พวกเขาจะใช้พิษใน 2 กรณีเท่านั้นก็คือการออกล่าเหยื่อและการป้องกันตัว 

หลังจากที่เราถูกพิษของงูทะเล พิษจะเข้าไปยับยั้งการเคลื่อนไหวหรือทำลายการเคลื่อนไหวของเรา จนกลายเป็นอัมพาตและเสียชีวิตในที่สุด มีการค้นพบว่าพิษของพวกเขามีความรุนแรงมากกว่าพิษของงูชนิดอื่นเสียอีก พิษของพวกเขาเพียงแค่ 1 หยด ก็เพียงพอแล้วสำหรับฆ่ามนุษย์ผู้ชายที่โตเต็มวัยกว่า 3 คน บางสายพันธุ์สามารถปล่อยพิษได้มากกว่า 8 หยด จากการกัดเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นจึงนับว่ามีความอันตรายเป็นอย่างมาก 

หลังจากที่เราได้รับพิษเข้าไปภายในร่างกายแล้ว มันจะกระจายไปทั่วกล้ามเนื้อ หากได้รับพิษไม่เยอะและได้รับการรักษาทันท่วงที กล้ามเนื้อที่ถูกทำลายก็จะสามารถซ่อมแซมกลับมาได้เองในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ส่วนใหญ่อาการที่พบก็คือ จะรู้สึกเจ็บปวดและกล้ามเนื้อเกร็ง ลิ้นแข็งจนไม่สามารถพูดได้ตามปกติ กล้ามเนื้อหดเกร็งทั่วทั้งร่างกายทำให้รู้สึกเจ็บเวลาเคลื่อนไหว อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง 

ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะมีอาการอัมพาตเกิดขึ้นบริเวณขาและมันก็จะลามไปถึงหลัง สามารถลุกลามมาได้จนถึงคอ ม่านตาจะขยายและเหงื่อออกผิดปกติ มีอาการกระตุกเกร็งบ่อยครั้ง สุดท้ายทางเดินหายใจก็จะได้รับผลกระทบจนไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ หมดสติ และตามมาด้วยการเสียชีวิตในที่สุด อัตราการเสียชีวิตของผู้ที่ถูกงูทะเลกัดนั้นจะอยู่ที่ 25% นับว่าเป็นอันตรายสำหรับการเที่ยวทะเลเป็นอย่างมาก 

งูทะเล

วิธีการปฐมพยาบาลหากถูกงูทะเลกันนั้น ให้เราทำความสะอาดแผลที่ถูกกัด ด้วยการใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออย่างเช่น ทิงเจอร์ไอโอดีนหรือแอลกอฮอล์ หลังจากนั้นให้ตั้งสติและรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลใกล้เคียงให้เร็วที่สุด และหากเป็นไปได้ขอแนะนำให้นำเอาซากงูตัวนั้นไปที่โรงพยาบาลด้วย เพื่อใช้ในการจำแนกชนิดและวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้อง 

ไม่ควรนำเอาสมุนไพรมาใส่แผล เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการติดเชื้อหรือติดบาดทะยักได้ เคลื่อนไหวบริเวณที่ถูกกัดให้น้อยที่สุด จะนำเอากระดาษแข็งหรือไม้กระดานมาดามไว้ก็ได้เช่นเดียวกัน เราไม่ขอแนะนำให้ใช้วิธีการขันชะเนาะ เนื่องจากไม่ได้ช่วยให้พิษลามน้อยลงแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังไม่ควรดื่มของมึนเมาอีกด้วย เพราะอาจจะเกิดอาการอาเจียนหรือสำลักจนบดบังอาการที่แท้จริงที่เกิดขึ้นจากพิษของพวกเขาและทำให้การรักษาผิดพลาดนั่นเอง

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment