ปลาเนื้ออ่อนได้รับความนิยมในการบริโภค ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามีอยู่หลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะ ปลาคัง ปลาเนื้ออ่อนตัวใหญ่ที่เนื้อมีรสชาติอร่อย และยังสามารถทำได้หลายเมนู จนกลายมาเป็นสัตว์เศรษฐกิจสายพันธุ์หนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับเหล่าเกษตรกรเป็นจำนวนมาก วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับปลาสายพันธุ์นี้กัน พวกมันจะมีความน่าสนใจอย่างไร ไปติดตามพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับปลาคัง ปลาเนื้ออ่อนรสชาติอร่อย
ปลาคัง มีอีกหนึ่งชื่อเรียกคุ้นหูว่า ปลากดคัง พวกมันจัดเป็นปลาน้ำจืดเนื้ออ่อนที่รสชาติมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจนสามารถสร้างรายได้ให้กับเหล่าเกษตรกรผู้ทำฟาร์มเป็นจำนวนมหาศาล พวกมันสามารถแบ่งออกได้หลายสายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็น สายพันธุ์แก้ว สายพันธุ์หางแดง สายพันธุ์ข้างหม้อ หรือสายพันธุ์เขี้ยว
เดิมทีเราสามารถพบปลาคังได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในแม่น้ำลำคลอง ในเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำ แต่ปัจจุบันนี้พวกมันมีจำนวนตามธรรมชาติลดลงตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาด เกษตรกรส่วนใหญ่จึงเลี้ยงพวกมันเพื่อขายมากกว่าจะไปจับตามธรรมชาติที่หาได้ยากขึ้น
พวกมันถือเป็นปลาขนาดใหญ่ที่เมื่อโตเต็มวัยแล้วจะมีน้ำหนักตัวได้สูงถึง 3 กิโลกรัม ความยาวลำตัวร่วม 50 เซนติเมตร หากแหล่งน้ำที่พวกมันอาศัยอยู่มีความอุดมสมบูรณ์ ก็สามารถมีน้ำหนักตัวได้สูงถึง 7 กิโลกรัมเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นปลาคังก็เป็นปลาที่มีรูปร่างเรียวยาว หัวแบนคล้ายกับปลาดุก ด้านบนเป็นผิวลื่น ๆ เรียบ ๆ ตำแหน่งปากจะอยู่ต่ำแทบติดกับคาง มีฟันเล็ก ๆ ที่แหลมคม มีเงี่ยงและหนวดเหมือนกับปลาดุก ตามลำตัวส่วนใหญ่แล้ว มักถูกปกคลุมด้วยเกล็ดอ่อนสีเงิน
การกระจายพันธุ์
ปลาคังเป็นสัตว์น้ำที่สามารถพบได้ทั่วไปในแหล่งน้ำจืด หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าพวกมันอาศัยอยู่เฉพาะในแม่น้ำโขงเท่านั้น แต่ความจริงแล้วพวกมันอาศัยอยู่ทั้งในแม่น้ำยม แม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน แม่น้ำแควน้อย และในเขื่อนขนาดใหญ่อย่างเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนรัชชประภา ด้วยเช่นกัน
ส่วนในประเทศเพื่อนบ้านสามารถพบได้ในแม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวิน ทะเลสาบในประเทศกัมพูชา และแม่น้ำในมณฑลยูนนานของประเทศจีน
พฤติกรรมการกินอาหาร
ปลาคังเป็นสัตว์กินเนื้อที่มักจะกินสัตว์ขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในน้ำหรือซากสัตว์ แต่ถึงจะบอกว่าเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่ร่างกายของพวกมันก็ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการล่าสัตว์แต่อย่างใด อาหารส่วนใหญ่จึงเป็นสัตว์ที่หากินได้ง่าย อย่างลูกปลา ปลาตัวเล็ก ๆ กบหรือเขียด หากคุณเลี้ยงก็สามารถเปลี่ยนไปให้เป็นอาหารผสม อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารทะเลสับก็ได้เช่นกัน
รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปลาคังก่อนตัดสินใจเลี้ยง
ปลาคังเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่เกษตรกรนิยมเลี้ยงเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปลาที่มีราคาดี สามารถสร้างรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้นับว่าเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายแต่อย่างใด แล้วจะมีอะไรที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจทำฟาร์มปลาบ้าง ไปดูกันเลย
การเพาะพันธุ์
ความยากในการเพาะพันธุ์ปลาคังคือการผสมเทียม เพราะการปล่อยผสมพันธุ์ตามธรรมชาติจะไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ ทำให้เราต้องค้นหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากแหล่งเพาะเลี้ยงหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ มาทำการฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเอง ก่อนปล่อยให้พวกมันผสมพันธุ์กันต่อไป
การดูแลลูกปลา
หลังจากที่ปลาคังวางไข่และไข่ฟักออกมาเป็นตัวแล้ว เราก็ต้องเลี้ยงปลาตัวน้อย ๆ ที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่ต่อไป เมื่อครบ 3 วัน อาหารในถุงไข่แดงพวกมันก็จะหมด และบรรดาลูกปลาก็จะเริ่มสามารถกินอาหารได้ สำหรับปลาวัยแบเบาะให้เรานำเอาไรแดงให้เป็นอาหาร หรือหากหาไม่ได้ก็ให้ใช้อาหารสำเร็จรูปโปรตีนสูง อย่างอาหารเม็ดของลูกกุ้งหรือไข่ผง เมื่อพวกมันเริ่มมีขนาดได้ 2 นิ้วและเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เราสามารถย้ายพวกมันไปในบ่อที่ใหญ่กว่าเดิมและให้อาหารเป็นเวลาได้
รูปแบบการเลี้ยง
รูปแบบการเลี้ยงลาคังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี ประกอบไปด้วย
- เลี้ยงในกระชัง ใช้กระชังอวนที่มีความกว้างและยาวด้านละ 5 เมตร ติดตั้งในบ่อดินพื้นที่ 2 ไร่ ปล่อยลูกปลาที่มีขนาด 2 นิ้วประมาณ 800 ตัวต่อ 1 กระชัง จากนั้นก็ให้อาหารเป็นปลาทะเลสับและเนื้อปลาบดวันละ 2 ครั้ง ปริมาณไม่เกิน 5% จากน้ำหนักของตัวปลาแต่ละตัว คูณกันตามจำนวนปลาในแต่ละกระชัง
- เลี้ยงในบ่อดิน วิธีการคือขุดบ่อและตากบ่อเอาไว้จนแห้ง ปล่อยน้ำลงในบ่อ แล้วนำเอาลูกปลาที่มีขนาดตัว 6 นิ้วจำนวน 1,100 ตัว ใส่ลงไปในบ่อดินที่มีขนาด 1,000 ตารางเมตร จากนั้นนำเอาอาหารสำเร็จรูปของปลาดุกให้เป็นอาหาร เป็นประจำวันละ 2 มื้อ จนกว่าจะครบ 8 เดือน
ราคาจำหน่าย
ปลาคังเป็นปลาราคาดี แต่มีกำหนดราคามาตรฐานจากกรมประมงเช่นเดียวกัน โดยปลาแต่ละขนาดก็จะมีราคาขายที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร ราคาขายตัวละ 1 บาท
- ขนาดประมาณ 3-5 เซนติเมตร ราคาขายตัวละ 2 บาท
- ขนาดประมาณ 5-7 เซนติเมตร ราคาขายตัวละ 3 บาท
- ขนาดประมาณ 15-20 เซนติเมตร ราคาขายตัวละ 10 บาท
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของเหล่าสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me