วาฬสีน้ำเงิน สัตว์ที่มีขนาดตัวใหญ่โตมากที่สุดในโลกของเรา 

by animalkingdom
203 views
วาฬสีน้ำเงิน

หากเราถามถึงสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อว่าทุกคนจะต้องนึกถึงช้างอย่างแน่นอน จริงอยู่ว่าช้างเป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก แต่วาฬสีน้ำเงินก็ถูกจัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในโลกของเรา ถึงขั้นที่มีการวิเคราะห์กันเลยทีเดียวว่า หากมนุษย์มีสมองเทียบเท่ากับวาฬสีน้ำเงิน มนุษย์เราจะสามารถทำอะไรก็ได้ ทุกคนสามารถเป็นนักประดิษฐ์หรือนักวิทยาศาสตร์ได้เป็นเรื่องปกติกันเลยทีเดียว พวกเขาดำรงชีวิตอยู่บนโลกมายาวนานกว่า 25 ล้านปีได้อย่างไร และพวกเขาเป็นตัวอะไรกันแน่ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับวาฬสีน้ำเงิน สัตว์ที่มีน้ำหนักตัวเทียบเท่ากับช้าง 33 ตัว 

วาฬสีน้ำเงิน

วาฬสีน้ำเงิน เป็นสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในท้องทะเล มันจึงไม่น่าแปลกใจหากจะมีคนเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นปลา แต่ความจริงแล้วพวกเขาจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เหมือนกับวาฬและโลมาที่อาศัยอยู่ในน้ำเหมือนกัน 

นอกจากวาฬสีน้ำเงินจะจัดว่าเป็นสัตว์ที่มีขนาดตัวใหญ่โตที่สุดในโลกแล้ว พวกเขายังเป็นสัตว์ทะเลที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในโลก และสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมมีขนาดใหญ่โตที่สุดในโลกอีกด้วย ครองแชมป์กันไปแบบยืน 1 ไม่แบ่งใครกันเลยทีเดียว 

นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขามีน้ำหนักตัวสูงถึง 200 ตัน เทียบเท่ากับช้างจำนวน 33 ตัว ความยาววัดตั้งแต่หัวจนถึงปลายหางมีความยาวถึง 30 เมตร เทียบขนาดตัวกับมนุษย์แล้ว เราแทบจะไม่แตกต่างอะไรจากแมลงกันเลยทีเดียว 

ว่ากันว่าขนาดของหัวใจวาฬสีน้ำเงินนั้นเทียบเท่ากับรถยนต์ Eco Car 1 คัน แค่ลิ้นของพวกเขาก็มีน้ำหนักเท่ากับช้างแล้ว แถมพวกเขายังมีอายุยืนยาวได้ถึง 90 ปีอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ของโลกใบนี้เลยก็ว่าได้

วาฬสีน้ำเงิน

ลักษณะภายนอกของวาฬสีน้ำเงินจะดูทั้งเพรียวและยาว ถึงแม้ว่าขนาดจะใหญ่โตมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาไม่จัดว่าเป็นสัตว์ที่ดูอวบอ้วนเหมือนกับช้าง ลักษณะมีความสวยงาม ส่วนหัวทั้งกว้างและยาว มีรูปทรงคล้ายกับตัวยู ทำให้พวกเขาเป็นสัตว์ที่สามารถจดจำลักษณะได้อย่างง่ายดาย 

บริเวณด้านหลังของพวกเขาผิวหนังจะเป็นสีเงิน ๆ เทา ๆ บริเวณท้องสีจะอ่อนกว่าเล็กน้อย ส่วนหัวจะเป็นสีน้ำเงินตามชื่อวาฬสีน้ำเงิน บริเวณด้านหลังและข้างลำตัวมีลวดลายเป็นดวง สีเทาอ่อนหรือสีน้ำเงิน ใต้คางมีร่องสำหรับใช้หดและขยายช่องปากสำหรับการกินอาหารจำนวนสูงสุดกว่า 88 ร่อง และยังยาวไปจนถึงสะดือกันเลยทีเดียว 

เมื่อพวกเขาอ้าปากสามารถกรองอาหารเล็ก ๆ อย่างแพลงก์ตอน ปลา และตัวเคยได้เป็นตัน สูงสุดสามารถกินได้ถึง 3.6 ตันต่อวัน นอกจากนี้ยังจัดว่าเป็นสัตว์ที่สามารถส่งเสียงในลักษณะคลื่นได้ไกลและดังมากที่สุดในโลก มีความดังประมาณ 188 เดซิเบล ซึ่งถือว่าอันตรายถึงขั้นที่ทำให้แก้วหูมนุษย์ได้รับความเสียหายได้เลย

สาเหตุที่เสียงจะต้องดังขนาดนั้นเพราะว่า มันช่วยให้พวกเขาสามารถสื่อสารใต้น้ำได้ไกลกว่า 100 ไมล์ ถูกใช้ทั้งการหาอาหาร ข่มขู่ หรือแม้แต่การหาคู่ ส่วนถิ่นที่อยู่อาศัยพบได้ทั่วไปในมหาสมุทรอินเดีย ตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก รวมถึงมหาสมุทรแอนตาร์กติกา มีทั้งแบบวาฬประจำถิ่นและวาฬอพยพ 

วาฬสีน้ำเงิน

เปิดพฤติกรรมที่น่าสนใจของเหล่าวาฬสีน้ำเงิน 

วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ตัวใหญ่ที่เฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงมีพฤติกรรมมากมายที่น่าสนใจว่าทำไปทำไม แต่บอกเลยว่าทุกพฤติกรรมประหลาดของวาฬสีน้ำเงิน ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลที่พวกเขาทำแบบนั้น ซึ่งจะมีอะไรบ้าง มาดูทางนี้

วาฬสีน้ำเงิน
  1. การกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำ วาฬสีน้ำเงินมักจะไหว้น้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีการโค้งตัวขึ้นมาให้โผล่พ้นจากผิวน้ำ บิดลำตัวตีลังกากลางอากาศก่อนจะทิ้งตัวลงมาสู่ผืนน้ำอีกครั้ง สาเหตุของการกระโดดก็มีหลายอย่าง ทั้งการสะบัดปรสิตที่ติดอยู่ตามตัว รวมถึงการกระโดดขึ้นมาหายใจ
  2. ตีหางใต้น้ำ วาฬสีน้ำเงินจะตีหางขนาดใหญ่ของพวกเขาเมื่ออยู่ใต้น้ำสำหรับการสื่อสาร แถมมันยังสามารถช่วยให้พวกเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม
  3. การตะแคงกินอาหาร เป็นวิธีการล่าเหยื่อบริเวณน้ำตื้นประมาณ 5 เมตร เพื่อให้สามารถล่าเหยื่อที่ว่ายน้ำอย่างรวดเร็วได้ทัน
  4. ใช้ฟองอากาศดักเหยื่อ พวกเขาจะพ่นฟองอากาศขึ้นมาเพื่อล้อมรอบเหยื่อที่พวกเขาเล็งเอาไว้ ทำหน้าที่เหมือนกับแหดักปลาให้อยู่รวมกันเป็นวง เวลากินก็สามารถกินได้หลายตัวพร้อมกัน

จะเป็นอย่างไร หากวาฬสีน้ำเงินสูญพันธุ์ 

วาฬสีน้ำเงิน

ถึงแม้ว่าวาฬสีน้ำเงินจะมีขนาดตัวใหญ่โตจนแทบจะไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ได้อยู่ดี นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 มีวาฬสีน้ำเงินมากมายตกเป็นเหยื่อจากการล่า จนพวกเขากลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างน่าเสียดาย 

เพราะมนุษย์ต้องการไขมันของพวกเขามาใช้เป็นเชื้อเพลิง และนำเนื้อมารับประทานเป็นอาหาร เข้าสู่ปี 1960 ก็เริ่มมีการอนุรักษ์พวกเขาอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม มีการออกกฎห้ามล่าเชิงพาณิชย์ แต่ถึงอย่างนั้นภาวะโลกร้อนก็ยังคงส่งผลกระทบให้พวกเขามีจำนวนลดน้อยลงไปทุกที ยังไม่รวมไปถึงการล่าอย่างผิดกฎหมาย

ถึงพวกเขาจะกินอาหารขนาดเล็กน้อยแต่ก็ถือว่ามีความสำคัญในห่วงโซ่อาหารไม่แพ้ใคร หากพวกเขาสูญพันธุ์จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ต่อสภาพแวดล้อมตามมาอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาคือโรงงานรีไซเคิลที่ช่วยปรับปรุงพื้นที่ทางทะเล ช่วยให้เกิดวัฏจักรชีวิตอันสมบูรณ์ 

หากพวกเขาหายไปไม่ต้องจินตนาการเลยว่า ท้องทะเลจะเละเทะมากแค่ไหน เพราะคงไม่มีสัตว์สายพันธุ์ไหนสามารถกินอาหารได้วันละ 3,600 กิโลกรัมแบบพวกเขาอย่างแน่นอน 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment