ต้นแบบกาฟิลด์ เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ แมวหน้าย่นตาโต

by animalkingdom
168 views
เอ็กโซติก ช็อตแฮร์

สำหรับเด็กยุค 90 ถ้าพูดถึงการ์ตูนแมวเรื่องแรกที่หลายคนรู้จัก ก็อาจจะเป็นเจ้าแมวส้มอย่างกาฟิลด์ที่มีใบหน้าทั้งน่ารักและตลกไปพร้อม ๆ กัน เมื่อโตขึ้นแล้วได้เห็นแมวสายพันธุ์เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงเจ้าตัวการ์ตูนกาฟิลด์อย่างแน่นอน ยิ่งตัวไหนมีขนสีส้มยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ เพราะพวกเขามีใบหน้ากลมและแก้มเป็นก้อนเหมือนกันเป๊ะ ใครที่สนใจอยากจะเลี้ยงเจ้าตัวเล็กสายพันธุ์นี้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับแมวเอ็กโซติก ช็อตแฮร์ ที่ทั้งน่ารักและดูตลกไปพร้อม ๆ กัน

เอ็กโซติก ช็อตแฮร์

เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ เป็นสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในฐานะสัตว์เลี้ยง เพราะพวกเขามาพร้อมกับความน่ารักน่าชังที่แตกต่างจากแมวขนสั้นสายพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน พวกเขาถือว่าเป็นแมวขนาดกลางที่มีหัวใหญ่โตเมื่อเทียบกับสัดส่วนร่างกาย ที่สำคัญมันยังเป็นหัวที่กลมป๊อกอีกต่างหาก

จากหน้าที่สั้นและจมูกที่แบน ทำให้เราสามารถมองเห็นปากคว่ำของพวกเขาได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา พวกมันมีดวงตาที่กลมโต สดใส ใบหูทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้นข้างบนขนาดเล็กไม่รับกับขนาดใบหน้าเอาเสียเลย แต่เมื่อดูโดยรวมแล้ว พวกเขากลับน่ารักอย่างน่าเหลือเชื่อเสียอย่างนั้น

หากดูผิวเผินหลายคนอาจรู้สึกว่าเอ็กโซติก ช็อตแฮร์เป็นแมวอ้วน แต่ความจริงแล้วพวกเขามีกล้ามเนื้อตามลำตัวที่แน่นมาก ถึงจะขาสั้นแต่ก็ทั้งหนาและแข็งแกร่ง มีหางที่ตรงและยาวสมส่วนกับความยาวของลำตัวพอดี ถึงพวกเขาจะมีขนสั้น แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะขนของพวกเขาค่อนข้างหนาเลยทีเดียว เป็นขนมันวาวที่ดูสวยงามและเล่นแสงได้ดี มีหลายสีพื้นฐาน อย่างสีครีม สีดำ ลายสลิด ไปจนถึงสีหิมาลายัน

น้ำหนักตัวเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 3-7 กิโลกรัม แล้วแต่เพศ พันธุกรรม และการเลี้ยงดู เราเลยมีโอกาสได้เห็นพวกเขาที่โตเต็มวัยแล้วก็ยังหนักแค่ 3 กิโลกรัม ตัวจิ๋วเดียว ไปจนถึงรุ่น 7 กิโลกรัม แบบแน่น ๆ กอดสนุก ส่วนอายุขัยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 8 ปีไปจนถึง 15 ปี แล้วแต่สุขภาพและการเลี้ยงดูเช่นกัน

เปิดประวัติความเป็นมาของแมวสายเอ็กโซติก ช็อตแฮร์

เอ็กโซติก ช็อตแฮร์

ต้นกำเนิดของแมวสายพันธุ์เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1950 โดยคนเลี้ยงแมวและนักเพาะพันธุ์สัตว์ที่ได้นำเอาแมวพันธุ์แท้อย่างอเมริกัน ช็อตแฮร์มาผสมเข้ากับแมวเปอร์เซีย เลยได้ออกมาเป็นลูกผสมนั่นก็คือ แมวขนสั้นแต่หน้าแบนเหมือนกับเปอร์เซีย

จากนั้นได้มีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานร่างกายและสีขนให้ดูสวยงามมากขึ้น ในช่วงแรกพวกเขายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักหรือได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ ต่อมาในปี 1967 เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ ก็เริ่มได้รับความนิยม เนื่องจากสมาคมแมวชั้นนำในอเมริกาอย่าง The Cat Fanciers Association ได้มอบรางวัลชนะเลิศให้กับแมวสายพันธุ์นี้ในงานประกวดสายพันธุ์แมว และยังเพิ่มรายละเอียดสายพันธุ์ว่าเป็นแมวที่เกิดมาจากการผสมกันระหว่างแมวเปอร์เซียและแมวอเมริกัน ช็อตแฮร์อย่างเป็นทางการอีกด้วย

จากนั้นในปี 1979 ทางสมาคม The International Cat Association ก็ได้ขึ้นทะเบียนแมวสายพันธุ์ลูกผสมอย่างเป็นทางการ ในปัจจุบันพวกเขาจึงจัดเป็นสายพันธุ์แมวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับสมาคมที่รับลงทะเบียนสายพันธุ์แมวทั้งหมดทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อยากเลี้ยงเอ็กโซติก ช็อตแฮร์ มีอะไรที่ควรรู้และต้องเตรียมตัวก่อนบ้าง

เอ็กโซติก ช็อตแฮร์

สำหรับใครที่อยากเลี้ยงเอ็กโซติก ช็อตแฮร์ แต่ไม่รู้วิธีเลี้ยงสัตว์เลยแม้แต่น้อย แมวสายพันธุ์นี้ถือว่าไม่ได้เลี้ยงยากจนเกินไปสำหรับมือใหม่ พวกเขาค่อนข้างเรียบร้อยแล้ว ว่านอนสอนง่าย มีความอ่อนโยน กระตือรือร้น แต่ในขณะเดียวกันก็ขี้อ้อน ขี้เล่นสุด ๆ 

บางครั้งเราจะได้เห็นพวกเขานอนนิ่งเฉย วางท่าสง่างาม หรือบางครั้งก็เล่นซุกซนจนไม่เหลือคราบแมวผู้ดีเหมือนกัน แต่ข้อดีของพวกเขาเลยก็คือ ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยส่งเสียงร้องสักเท่าไหร่ เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ จึงเหมาะสำหรับการเลี้ยงในห้องพักไม่น้อยเลยทีเดียว

ครอบครัวไหนที่มีเด็ก พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับเด็กได้ค่อนข้างดี เพราะเป็นแมวที่ขี้เล่นและอ่อนโยน นอกจากนี้ยังสามารถทนกับการที่เด็กวิ่งเล่นไปมาหรือส่งเสียงร้องดังไม่หยุดได้อีกด้วย ไม่มีการแสดงท่าทีรุนแรงหรือรำคาญเด็กเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่เราสอนให้เด็กเล่นกับพวกเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนกัน ทั้งคู่ก็จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกันได้ในที่สุด

วิธีการดูแลสุขภาพของเอ็กโซติก ช็อตแฮร์

เอ็กโซติก ช็อตแฮร์

สำหรับวิธีการดูแลเจ้าเอ็กโซติก ช็อตแฮร์ ไม่ได้ต่างจากการดูแลแมวสายพันธุ์อื่นสักเท่าไหร่ ด้วยความที่พวกเขาเป็นแมว พวกเขาเลยไม่ต้องการการออกกำลังกายหรือการออกไปวิ่งเล่นมากนัก ขอเพียงแค่ให้พวกเขาได้มีพื้นที่ในการเดินไปมาในบ้านโดยที่ไม่รู้สึกอึดอัด มีของเล่นให้ได้สนุกสนานเพลิดเพลินและออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างก็เพียงพอ

ในส่วนของอาหาร เราสามารถให้อาหารได้ตามปกติ ไม่ได้มีอะไรที่ต้องให้เพิ่มเติม ขอเพียงแค่สัดส่วนโปรตีนมากกว่าคาร์โบไฮเดรตสักหน่อยก็จะดี เพราะมันจะช่วยให้พวกเขามีพลังงานเพียงพอต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันโดยที่ไม่อ้วนจนเกินไป ปริมาณพลังงานที่แนะนำคือ 70 กิโลแคลอรีต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ลองคำนวณให้ดี พวกเขาจะได้ไม่ต้องเผชิญกับโรคอ้วนในภายหลัง

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment