ใครหลาย ๆ คนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเนื้อวัวเป็นเนื้อที่อร่อยและเป็นเนื้อที่มีราคาแพง ยิ่งมีราคาแพงก็ยิ่งอร่อยคุณภาพก็จะยิ่งดี แต่มีคนบางกลุ่มที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการไม่กินเนื้อวัว เนื่องจากการนับถือศาสนาบางศาสนาหรือการนับถือเทพเจ้าบางองค์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้กลุ่มคนบางกลุ่มไม่กินเนื้อวัวเพราะพวกเขามีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ความเชื่อดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับโชคลาภเงินทอง บุญบารมี หรือจะเกี่ยวข้องกับอะไร วันนี้เรา Animal kingdom จะพาไปหาเหตุผลว่าทำไมกลุ่มคนพวกนี้ถึงไม่กินเนื้อวัว ถ้าหากพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ
ความเชื่อของการไม่กินเนื้อวัว
ข้อมูลทั่วไปของวัว
วัวเป็นสัตว์เท้ากีบเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ซึ่งถูกเลี้ยงเป็นปศุสัตว์ที่มีไว้เพื่อเอาเนื้อ เอานมไว้ทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวัว และยังเป็นสัตว์ลากเทียมที่ใช้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มูลของวัวยังสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยคอกหรือเชื้อเพลิงโดยการนำมูลและหนังของมันมาหมักให้เกิดก๊าซ ในบางประเทศอย่างเช่นประเทศอินเดีย วัวนั้นถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันบนโลกของเรามีสัตว์ชนิดนี้อยู่ประมาณ 1,300 ล้านตัว ซึ่งเป็นการประเมินเมื่อปี พ.ศ.2552 แถมยังเป็นปศุสัตว์ชนิดแรกที่มีการทำแผนที่จีโนมได้สมบูรณ์
ศาสนาที่ห้ามกินเนื้อ
ศาสนาที่ห้ามกินเนื้อวัวมีเพียงศาสนาฮินดูศาสนาเดียวเท่านั้น โดยมีความเชื่อว่าการฆ่าและการกิน ถือเป็นบาปหนัก แต่ก็ไม่ใช่บาปที่บาปที่สุด ถึงจะไม่ใช่บาปที่สุดแต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากในปัจจุบัน และยังมีความเชื่ออีกว่าวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ดูแลที่เปรียบเสมือนแม่ และยังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งยั่งยืน แต่สมัยก่อนนั้นการกินเนื้อของสัตว์ชนิดนี้ก็มีมานานจึงทำให้มีชาวฮินดู 7% ไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ทำให้มีการกินเนื้อสัตว์ชนิดนี้อยู่บ้าง และเนื่องจากราคาที่ค่อนข้างถูก ทำให้คนที่กินเป็ฯกลุ่มคนที่ยากจนเท่านั้นที่ซื้อกิน
ความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ
นอกจากความเชื่อของศาสนาฮินดูแล้วยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ทำให้ยังมีกลุ่มคนที่ไม่กินเนื้อวัวอยู่ โดยเป็นเรื่องราวความเชื่อที่เกี่ยวกับพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยมีความเชื่อว่า บิดาของเจ้าแม่กวนอิมทำบาปหนัก และได้ไปเกิดเป็นสัตว์อย่างวัว จึงทำให้เจ้าแม่กวนอิมเชื่อว่านั่นเป็นพ่อของตน จึงไม่กินเนื้อของสัตว์ชนิดนี้ และคนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมก็พลอยไม่กินเนื้อวัวไปด้วยโดยปริยาย และมีความเชื่อว่าสมัยก่อนวัวป่านั้นจะกินเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไม่กินพืช ซึ่งอยู่มาวันหนึ่งพระโพธิสัตว์ไปบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่า แล้วเกิดไปเจอกับสัตว์ชนิดนี้เข้า ซึ่งมันกำลังหิวโหย พระโพธิสัตว์จึงสละเนื้อตนเองให้มันกินและเมื่อมันกินจนอิ่มจึงตาสว่างว่าที่กินไปคือผู้มีบุญ มันจึงเลิกกินเนื้อสัตว์แล้วหันมากินหญ้าแทน โดยทำให้ผู้คนมีความเชื่อว่าถ้าหากกินเนื้อของสัตว์พวกนี้แล้วก็เท่ากับว่ากินเนื้อของพระโพธิสัตว์ไปด้วย จึงพากันไม่กินเนื้อสัตว์ชนิดนี้