ช้างเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มหึมาอยู่แล้ว แต่ลองจินตนาการถึงช้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแมมมอธ ดูสิ พวกเขาคงจะดูยิ่งใหญ่และสง่างามไม่น้อยเลยทีเดียว น่าเสียดายที่ในปัจจุบันเราไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นพวกเขาตัวเป็น ๆ กันอีกแล้ว เนื่องจากพวกเขาสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่พวกเขาเคยขึ้นชื่อว่าเป็นช้างที่มีขนาดใหญ่มหึมาที่สุดในโลก ดังนั้นชื่อของพวกเขาจึงยังคงเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ Animalkingdom จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น พวกเขาจะมีลักษณะเป็นอย่างไร และจะน่าสนใจขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับแมมมอธ ช้างดึกดำบรรพ์ที่เรามีโอกาสได้เห็นเพียงแค่รูปจำลอง
แมมมอธ เรียกได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขานั้นมีชีวิตอยู่ในยุคน้ำแข็งหรือประมาณ 20,000 ปีที่แล้ว กระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็นในทวีปยุโรปหรือในฝั่งเอเชียเหนือก็ตาม บริเวณที่ไม่สามารถค้นพบซากฟอสซิลของพวกเขาได้จะมีเฉพาะในโซนอเมริกาใต้และออสเตรเลียเท่านั้น
หากเปรียบเทียบขนาดของพวกเขากับช้างในปัจจุบันแล้ว พวกเขานั้นมีขนาดลำตัวรวมไปถึงงาที่ใหญ่กว่ามาก แถมยังเชื่อว่าพวกเขานั้นมีขนที่ยาวผิดกับช้างที่เราเห็นในปัจจุบันอีกด้วย สาเหตุเกิดมาจากการที่พวกเขาเป็นสัตว์เลือดอุ่น แต่ต้องอาศัยอยู่ในยุคน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็น ขนของพวกเขาจึงได้รับการพัฒนามาเพื่อช่วยป้องกันพวกเขาจากอากาศที่หนาวเหน็บนั่นเอง
แต่หากจะย้อนไปถึงต้นกำเนิดของแมมมอธนั้น เราต้องย้อนกลับไปถึง 2.6 ล้านปีก่อนเลยทีเดียว เพราะพวกเขาถือกำเนิดขึ้นในช่วงไพลโอซีนตอนต้น ก่อนที่ประมาณ 11,700 ปีที่แล้วพวกเขาจะสูญพันธุ์จากโลกใบนี้ไป โดยตัวสุดท้ายนั้นเป็นสายพันธุ์แคระที่อาศัยอยู่บนเกาะแรงเกลในทะเลอาร์กติก
แมมมอธ เป็นสัตว์กินพืชก็จริงแต่มีขนาดตัวที่ใหญ่เป็นอย่างมาก สามารถมีความสูงได้มากกว่า 4 เมตร (14 ฟุต) โดยวัดตั้งแต่เท้าถึงหัวไหล่เท่านั้น ขนของพวกเขาสามารถมีได้หลากหลายสีสันตั้งแต่สีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีน้ำตาลอมเหลืองเลยทีเดียว และที่บอกว่าพวกเขาขนยาวนั้นไม่ใช่ยาวธรรมดา เพราะสามารถมีความยาวได้ตั้งแต่ 1 นิ้วไปจนถึง 20 นิ้ว
พวกเขามีผิวหนังที่หนาและยังมีชั้นไขมันที่หนาถึง 8 เซนติเมตรหรือ 3 นิ้ว ซึ่งเป็นฉนวนกันความหนาวได้เป็นอย่างดี หัวของพวกเขาจะกลมโตแต่จะมีใบหูที่เล็กกว่าช้างในปัจจุบัน อย่างเช่นช้างในประเทศไทยของเราที่มีใบหูขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก งาของพวกเขาจะโค้งและมีความยาวได้ถึง 4 เมตรเลยทีเดียว
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าพวกเขานั้นมี DNA ที่ใกล้เคียงกับช้างเอเชีย ซึ่งยังคงสามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาได้จนถึงในปัจจุบัน ทำให้มีนักวิทยาศาสตร์บางคนพยายามที่จะโคลนนิ่งพวกเขา โดยฝากครรภ์ในตัวแม่ช้างเอเชีย ด้วยวิธีการสกัดนิวเคลียสจากซากฟอสซิลของลูกแมมมอธที่มีความสมบูรณ์ เนื่องจากถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งเป็นเวลานาน
ในยุคหินพวกเขาเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์สามารถล่าพวกเขาเพื่อเอาเนื้อมาเป็นอาหารได้ นำเอาหนังมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม และนำเอาไขมันมาใช้สำหรับการสร้างความอบอุ่น ด้วยเหตุนี้จึงมีภาพเขียนสีบนผนังถ้ำโบราณหลายแห่ง ที่ปรากฏภาพมนุษย์กำลังล่าพวกเขาด้วยอาวุธที่ทำมาจากหินในช่วงเวลานั้น
จึงเชื่อได้ว่าแมมมอธสูญพันธุ์จากการล่าของมนุษย์นั่นเอง ทำให้เราสามารถที่จะศึกษาพวกเขาได้จากซากฟอสซิลที่เหลืออยู่เท่านั้น ในปี 2012 เรียกได้ว่าเป็นปีที่สร้างเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างมาก เพราะมีผู้ค้นพบซากฟอสซิลลูกแมมมอธที่มีอายุกว่า 30,000 ปี ที่ยังคงความสมบูรณ์ในบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของรัสเซีย ห่างจากกรุงมอสโกในประเทศรัสเซียประมาณ 3.5 พันกิโลเมตร
แถมผู้ที่ค้นพบนั้นยังไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์หรือนักบรรพชีวินวิทยาอีกด้วย แต่เป็นเด็กชายวัย 11 ขวบเท่านั้น การค้นพบดังกล่าวนับว่าเป็นการค้นพบซากฟอสซิลที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดในรอบ 100 ปีเลยทีเดียว โดยลูกช้างตัวดังกล่าวมีอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น แต่เขากลับมีความสูงกว่า 2 เมตร
อัพเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับการคืนชีพให้กับแมมมอธ
อย่างที่เราทราบกันดีว่าแมมมอธเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความที่พวกเขาเป็นสัตว์ใหญ่ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจ หากคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแวดวงสัตว์สูญพันธุ์จะต้องการคืนชีพพวกเขากลับมาอีกครั้ง
มีข่าวรายงานออกมาว่านักวิทยาศาสตร์จากทางมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ต้องการที่จะทำโครงการคืนชีพให้กับพวกเขาในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี สำหรับนักบรรพชีวินวิทยานั้นนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่บางคนออกมาโต้แย้งในทันทีว่า โครงการดังกล่าวนั้นจะต้องเป็นข่าวปลอมอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามได้มีการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวพบว่า โครงการนี้ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลามากกว่านั้นและผลที่จะได้ออกมานั้น ก็อาจจะไม่ใช่แมมมอธมีชีวิตตัวเป็น ๆ คืนชีพมาให้เราได้เห็นพวกเขาเดินไปมาอยู่บนทุ่งหญ้าในไซบีเรียน อย่างที่ผู้คนจินตนาการเอาไว้ถึงขนาดนั้น
แต่สิ่งที่จะได้ออกมาอาจเป็นเพียงแค่เซลล์ตัวอ่อนของลูกครึ่งเพียงแค่เซลล์เดียว ซึ่งดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะพวกเขาไม่ใช่สัตว์ที่สูญพันธุ์ชนิดแรกที่ผู้คนพยายามจะช่วยพวกเขาฟื้นคืนชีพกลับมา เพราะก่อนหน้านี้ก็มีแพะภูเขาสายพันธุ์หนึ่งที่เคยสูญพันธุ์ไปแล้ว ถูกทำฟื้นคืนชีพกลับมาได้สำเร็จในปี 2003 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นก็ตาม
มีความเชื่อว่านักวิทยาศาสตร์น่าจะนำเอาเซลล์ที่ค้นพบในฟอสซิลมาผสมเข้ากับช้างอินเดีย ซึ่งมีความใกล้ชิดกันทางสายเลือด ซึ่งต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างสุ่มเสี่ยงในด้านจริยธรรมวิทยาศาสตร์ไม่น้อยเลยทีเดียว เราคงต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า ในอนาคตเราจะได้เห็นช้างขนยาวกลับมาวิ่งเล่นอยู่บนโลกใบนี้อย่างที่หลายคนอยากให้เป็นหรือไม่