กบสีสันสดใส ฮอร์นฟรอก กบที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนชอบความแปลก 

ในปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์ไม่ได้จำกัดอยู่ที่สุนัขและแมวเหมือนกับในอดีตแต่อย่างใด เพราะผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจสัตว์ที่มีความแปลกประหลาดมากขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่น ฮอร์นฟรอก สัตว์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ สำหรับคนที่กลัวกบแล้ว Animalkingdom ขอแนะนำให้ข้ามบทความนี้ไปก่อน เพราะเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกบสายพันธุ์นี้ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน และหากเราต้องการที่จะเลี้ยงมีอะไรที่เราต้องเตรียมตัวรวมไปถึงมีอะไรที่เราต้องรู้บ้าง ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ฮอร์นฟรอก กบสีสันสดใสลวดลายแปลกตาที่ทำให้หลายคนตกหลุมรัก 

ฮอร์นฟรอก เป็นกบที่มาพร้อมกับสีสันสดใสแถมยังมีรูปร่างหน้าตาที่น่ารักอีกต่างหาก ถึงจะดูแปลกตาไปหน่อย แต่เชื่อว่าบรรดาคนชอบสัตว์แปลก คงตกหลุมรักพวกเขาได้อย่างไม่ยากเย็น ที่มาของชื่อพวกเขานั้นเกิดลักษณะที่ดูเหมือนมีเขางอกออกมาจากหัว 

ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยมระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยเราสามารถพบเห็นพวกเขาได้ทั่วไปตามร้านขายสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้พวกเขายังเลี้ยงง่ายและมีอายุค่อนข้างยืนยาวเลยทีเดียว พวกเขามีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ สามารถพบได้ทั่วไปในบริเวณป่าสนเขตร้อน รวมไปถึงเทือกเขาทุ่งหญ้าในประเทศบราซิล อาร์เจนตินา และอุรุกวัย 

สิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่โดดเด่นก็คือ สีสันที่สวยงามและลวดลายที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตัว มีให้เลือกตั้งแต่ สีฟ้า สีเหลือง สีเขียว สีส้ม สีน้ำตาล สีดำ สีแดงและสีเนื้อ ลวดลายของพวกเขานั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีสีน้ำตาลเข้ม ไปจนถึงสีน้ำตาลอ่อนเป็นลายพรางทั่วทั้งตัว ในธรรมชาติพวกเขาจะใช้ประโยชน์จากสีสันและลวดลายเหล่านี้ ในการอำพรางตัวเพื่อให้ปลอดภัยจากนักล่าทั้งหลาย 

พวกเขาหาอาหารโดยการลงไปอยู่ในดินหรืออยู่ในใบไม้ โผล่เฉพาะส่วนหัวหรือประมาณครึ่งตัวออกมาเพื่อล่าเหยื่อ เมื่อมีเหยื่อเข้ามาใกล้พวกเขาก็จะรีบอ้าปากคว้าเหยื่อเข้ามากินไปทั้งตัวเลยทีเดียว ผิวหนังของฮอร์นฟรอกจะมีความตะปุ่มตะป่ำอยู่บ้างคล้ายกับคางคก แต่ก็เป็นตุ่มที่ค่อนข้างเล็กจึงไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด ลำตัวก็อ้วนกลมจนเกือบจะคล้ายกับอึ่งอ่างของบ้านเรา 

พวกเขามีดวงตาที่กลมโตและโปนออกมาเหนือศีรษะจนมีลักษณะคล้ายกับเขา ปากกว้างเท่ากับขนาดของลำตัว แถมยังมีขากรรไกรที่แข็งแรงเป็นอย่างมากอีกด้วย 

หลังฟักออกมาจากไข่ใช้เวลาเพียงแค่ 2 อาทิตย์ ก็จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนจากลูกอ๊อดเด็กกลายเป็นกบวัยผู้ใหญ่ในพริบตา และจะโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์ตั้งแต่อายุ 5 เดือนขึ้นไป ตัวผู้จะมีขนาดตัวที่เล็กกว่าตัวเมีย โดยจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 10 เซนติเมตร ในขณะที่ตัวเมียสามารถมีความยาวได้ถึง 15 เซนติเมตร 

เราจะสามารถแยกเพศของพวกเขาได้เมื่อมีขนาดตัวประมาณ 5 เซนติเมตรหรืออายุประมาณ 3 เดือนขึ้นไป วิธีการแยกเพศให้สังเกตจากลักษณะภายนอก โดยตัวผู้จะมีปานบริเวณปลายนิ้วโป้งและคางจะหย่อนมากกว่า เพราะพวกเขาต้องใช้คางในการส่งเสียงเรียกหาตัวเมีย 

ส่วนตัวเมียนั้นจะมีขนาดตัวที่ใหญ่อวบอ้วนกว่า ไม่พบปานบริเวณนิ้ว คางก็จะเรียบตึงเหมือนฉีดโบท็อกมา แต่หากอายุเพิ่มขึ้นก็สามารถหย่อนคล้อยได้บ้างเช่นเดียวกัน 

พวกเขามีนิสัยที่ชื่นชอบการอยู่ตามลำพังและค่อนข้างนิ่งเงียบ ไม่ดุร้าย ไม่ค่อยมีกิจกรรมหรือกระโดดโลดเต้นให้เจ้าของอย่างเราได้ดูสักเท่าไหร่ ที่สำคัญคือไม่กระโดดเหมือนกบทั่วไป แถมยังว่ายน้ำไม่เก่งอีกด้วย เพราะขาของพวกเขาค่อนข้างสั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเคลื่อนที่ด้วยการปีนป่ายหรือการคลานมากกว่า 

แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปสำหรับคนที่ชื่นชอบสัตว์ Exotic Pet สายพันธุ์นี้ เพราะพวกเขานั้นตะกละตะกลามเป็นอย่างมาก หากเหยื่ออยู่ข้างหน้าพวกเขาก็พร้อมจะกินทุกอย่างเลยทีเดียว แต่เมื่ออิ่มแล้วพวกเขาสามารถซ่อนตัวอยู่นิ่ง ๆ ได้นานกว่า 3 วันเลยทีเดียว หากเราเลี้ยงพวกเขาในตู้จำลองแบบธรรมชาติและให้อาหารเรียบร้อยแล้ว เราก็อาจจะได้เห็นพวกเขาอีกทีหนึ่งตอนที่พวกเขาหิวและต้องออกมาหาอาหารนั่นเอง 

เปิดวิธีการเลี้ยงฮอร์นฟรอก สัตว์สุดน่ารักที่กินง่ายอยู่ง่าย 

ฮอร์นฟรอก เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างกินง่ายอยู่ง่าย ดังนั้นมันจึงเลี้ยงง่ายเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นสัตว์กินเนื้อที่จะออกหากินตอนกลางวันและไม่ค่อยล่าสัตว์สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีซุ่มตัวรอเหยื่อมาหา อาหารของพวกเขาก็คือ หนอนนก จิ้งหรีด แมลงสาบ จิ้งจก ไส้เดือน ลูกน้ำ ลูกหนู ปลาตัวเล็ก หรือแม้แต่แพลงก์ตอน 

สำหรับใครที่ใจไม่กล้าพอจะให้อาหารสดของพวกเขา ก็สามารถให้เป็นอาหารสำเร็จรูปได้เช่นเดียวกัน พวกเขาไม่กินน้ำแต่จะใช้วิธีการดูดน้ำผ่านทางผิวหนัง บริเวณที่เลี้ยงจึงต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ส่วนวิธีเลี้ยงกบสายพันธุ์นี้ สิ่งแรกที่ต้องเตรียมเลยก็คือ สถานที่เลี้ยง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งกล่องหรือตู้พลาสติกรวมไปถึงตู้ปลา 

ขนาดของกล่องที่ใช้เลี้ยงเมื่อโตเต็มวัยควรอยู่ที่ประมาณ 24 นิ้ว เพื่อให้พวกเขาได้มีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวร่างกายหรือซ่อนตัว ภายในควรมีทั้งบริเวณที่เป็นโซนบกและโซนน้ำ อุณหภูมิที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 27 ถึง 29 องศาเซลเซียส 

วัสดุที่ใช้รองพื้นก็เลือกใช้ได้หลากหลาย ตั้งแต่ฟองน้ำ ขุยมะพร้าว หรือ หญ้า เหมาะสำหรับการเก็บความชื้น หากเลือกใช้ขุยมะพร้าวให้เลือกใช้แบบละเอียด ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะกินเข้าไปได้ ควรมีถ้ำหรือวัสดุที่ให้พวกเขาซุกซ่อนตัวได้ เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลและลดความเครียด 

ควรมีถาดเอาไว้ใส่อาหาร ให้พวกเขาสามารถเข้าไปกินได้อย่างสะดวก หากคุณสนใจ ในปัจจุบันพวกเขาจะมีราคาไม่ได้แพงมากนักอยู่ที่ประมาณ 300 บาทขึ้นไป แล้วแต่สีและลวดลาย อาจมีราคาพุ่งไปถึงหลักหมื่นได้เลยหากเป็นสีรุ้ง 

วิธีการเลือกซื้อให้ตรวจสอบว่าพวกเขามีอวัยวะครบถ้วนหรือไม่ มีปฏิกิริยาตอบสนองมากน้อยแค่ไหน ควรเลือกตัวที่มีความตื่นตัว สดใส ปีนป่ายไปมา หรือมองตามนิ้วของเรา