เต่า สัตว์ในเพลงเด็กที่หลายคนคุ้นเคย

ตอนที่เรายังเป็นเด็กนั้นมีเพลงมากมายที่ช่วยให้เราสามารถรู้จักกับสัตว์โลกได้มากขึ้นกว่าเดิมและหนึ่งในเพลงที่ได้รับความนิยมก็คือ เพลงเต่า นั่นเอง เราได้เรียนรู้ว่าเต่านั้นเป็นสัตว์ที่ช่างแปลกประหลาดเสียเหลือเกินเพราะพวกเขามีกระดองเป็นเปลือกแข็งห่อหุ้มร่างกายที่บอบบางเอาไว้ข้างใน ด้วยเหตุนี้เด็กหลายคนจึงชื่นชอบพวกเขาเป็นอย่างมากนั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งดูน่าสนใจและน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเต่าให้มากขึ้น พวกเขามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับเต่า สัตว์ที่อยู่ได้ทั้งบนบก ในน้ำ และในทะเล

เต่า เป็นสัตว์จำพวกหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในชั้นสัตว์เลื้อยคลานที่มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานร่วม 200 ล้านปีเลยทีเดียว พวกเขาเป็นสัตว์อีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งอาจจะยืนยาวมากกว่ามนุษย์ที่เลี้ยงพวกเขาด้วยซ้ำไป 

ความโดดเด่นที่สุดของพวกเขาก็คือ การมีกระดูกที่แข็งแรงคลุมอยู่บริเวณด้านหลังที่เราเรียกกันว่า กระดอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีส่วนประกอบเป็นแคลเซียมเหมือนกับกระดูก และมันยังเป็นส่วนหนึ่งของกระดูกสันหลังด้วยจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก กระดองช่วยให้เต่าสามารถใช้ชีวิตในธรรมชาติได้ปลอดภัย เนื่องจากพวกมันสามารถเก็บตัวเข้าไปในกระดองได้นั่นเอง 

เห็นแบบนี้พวกเขาไม่ได้มีฟันแต่อย่างใด แต่จะมีริมฝีปากที่ทั้งคมและแข็งแรงเป็นอย่างมาก สำหรับใช้ในการกัดหรือบดเคี้ยวอาหารแทนฟัน พวกเขาขึ้นชื่อเรื่องความเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า แต่ถึงอย่างนั้นในบางสายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่อยู่ในทะเล ก็สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วไม่น้อยเลยทีเดียว 

เต่าเป็นสัตว์ที่มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์บก ที่จะมีชีวิตอยู่เฉพาะบนบกเท่านั้น จุดสังเกตง่าย ๆ ก็คือ พวกเขาจะมีเท้าเหมือนกับเท้าของช้าง มีหน้าเท้าขนาดใหญ่เอาไว้ใช้สำหรับเดิน และสายพันธุ์น้ำซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งน้ำจืดและสัตว์ทะเล 

กลุ่มน้ำจืดจะมีเท้าที่ค่อนข้างแบนเอาไว้สำหรับว่ายน้ำ แต่ก็ยังคงสามารถใช้ในการเดินได้ในบางครั้งเมื่อต้องขึ้นมาบนพื้นดิน ในขณะที่สายพันธุ์ทะเลนั้นจะไม่มีเท้าแต่อย่างใด แขนขาของพวกเขาจะมีลักษณะแบนเหมือนกับครีบเอาไว้ใช้ในการว่ายน้ำ 

ตลอดทั้งชีวิตของสายพันธุ์ทะเลนั้นจะอยู่อาศัยเฉพาะในทะเลเท่านั้น มีอยู่ช่วงเวลาเดียวที่พวกเขาจะขึ้นมาบนบกนั่นก็คือวางไข่นั่นเอง สายพันธุ์บกส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์กินพืชที่กินได้ทั้งผักผลไม้และหญ้า ส่วนสายพันธุ์ที่อยู่ในน้ำไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำจืดหรือน้ำเค็ม ส่วนใหญ่จะกินเนื้อเป็นอาหารโดยล่าสัตว์น้ำขนาดเล็กที่พวกเขาสามารถกินได้เป็นอาหาร

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสายพันธุ์ข้างเคียงนั่นก็คือตะพาบ แม้ว่าจะได้รับความนิยมไม่แพ้กันแต่ในกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์จะมองว่าพวกเขาเลี้ยงยากกว่า เนื่องจากค่อนข้างดุร้ายและเป็นสัตว์นักล่าแบบเต็มตัว ไม่สามารถเลี้ยงกับสัตว์น้ำตัวเล็กสายพันธุ์อื่นได้ เพราะจะโดนตะพาบกินอย่างแน่นอน 

ตะพาบมีกระดองก็จริงแต่ลักษณะจะแบนราบ ส่วนหัวของพวกเขานั้นจะมีความเรียวรีมากกว่า แถมบางสายพันธุ์ก็ยังเชิดหน้าอีกต่างหาก ส่วนแขนขาจะเป็นครีบเหมือนกับเต่าสายพันธุ์ทะเล เนื่องจากพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในน้ำตลอด นอกจากนี้กระดองของพวกเขายังค่อนข้างนิ่มอีกด้วย

รวมสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนรับเลี้ยงเต่า

เต่ากลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเต่าบกที่หลายคนมองว่าเลี้ยงง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขานั้นก็ไม่ได้เลี้ยงง่ายมากมายนัก เพราะด้วยความที่เป็น Exotic Pet พวกเขาจึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษและเรายังต้องใส่ใจพวกเขาให้ดีอีกด้วย โดยเฉพาะในตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก 

เนื่องจากในช่วงเด็กพวกเขาบอบบางไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งแรกที่คุณควรรู้ก่อนนำพวกเขามาเลี้ยงคือ เต่าเป็นสัตว์เลือดเย็น ดังนั้นหากคุณนำเอาพวกเขามาเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เราจะต้องมีไฟกกให้พวกเขาเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่น 

โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นหรือในวันที่ฝนตก ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้พวกเขาไม่สามารถรักษาอุณหภูมิในร่างกายได้อย่างเหมาะสม และอาจทำให้พวกเขาป่วยจนถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว เราจะต้องมีเวลาพาพวกเขาออกไปรับแสงแดดในตอนเช้า เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างแคลเซียมที่จะทำให้ทั้งกระดูกและกระดองของพวกเขาแข็งแรง 

อาหารหลักของพวกเขานั้นจะเป็นหญ้าผสมกับผักใบเขียวอย่างเช่น กวางตุ้ง หรือจะให้แครอทก็ได้เช่นเดียวกัน ส่วนหญ้าที่ใช้นั้นจะเป็นหญ้าทิมโมธีแบบเดียวกับของกระต่ายหรือหนูแกสบี้ 

หากพวกเขาได้รับแสงแดดเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมแต่อย่างใด แต่หากคุณเลี้ยงพวกเขาในบ้านก็จะต้องมีวิตามินหรืออาหารเสริมให้พวกเขาด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่อยากเลี้ยงแต่ก็ต้องการความสะดวก ก็สามารถให้เป็นอาหารเม็ดได้เช่นเดียวกัน 

เต่าเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนเป็นอย่างมาก ดังนั้นก่อนที่เราจะรับพวกเขามาเลี้ยง เราต้องสำรวจความพร้อมของตนเองก่อน ว่าเราจะสามารถเลี้ยงพวกเขาไปตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่ หรือหากเราจากโลกใบนี้ไปแล้ว ใครจะเป็นคนรับดูแลพวกเขาต่อ 

โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่อย่างซูคาต้า หากโตเต็มวัยสามารถมีน้ำหนักได้มากกว่า 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว ซึ่งจะสร้างความยากลำบากเป็นอย่างมากเวลาพวกเขาเจ็บป่วย แล้วเราต้องพาพวกเขาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล 

เราไม่สามารถพาพวกเขาไปโรงพยาบาลสัตว์ทุกแห่งได้เหมือนกับสุนัขหรือแมวแต่อย่างใด เราจะต้องพาพวกเขาไปคลินิกรักษาสัตว์พิเศษ ที่มีสัตวแพทย์เฉพาะทางจึงจะสามารถรักษาได้ ที่สำคัญก็คือเต่าเป็นสัตว์แปลก ดังนั้นจึงยังไม่มีประกันสุขภาพที่จะช่วยรองรับค่าใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งถือว่าแพงกว่าสัตว์ธรรมดาทั่วไปไม่น้อยเลยทีเดียว ทุนทรัพย์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเตรียมให้ดีก่อนรับเลี้ยงพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน