อูฐ สัตว์ผู้อยู่กลางทะเลทรายที่เต็มไปด้วยความร้อนระอุ 

by animalkingdom
683 views
อูฐ

ทะเลทรายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความร้อนระอุแถมยังหาแหล่งน้ำได้ยากอีกต่างหาก มีสิ่งมีชีวิตเพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์บนโลกใบนี้ที่สามารถอาศัยอยู่ได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ อูฐ ที่เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกันในวันนี้นั่นเอง เมื่อพูดถึงทะเลทรายเราก็ต้องนึกถึงพวกเขาเลย พวกเขาเป็นสัตว์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะสามารถอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเพราะเหตุใดอูฐจึงอาศัยอยู่กลางทะเลทรายที่แห้งแล้งได้ วันนี้เรามีคำตอบมาให้ ไปติดตามกันได้เลย 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับอูฐ สัตว์ที่สามารถอยู่ท่ามกลางอากาศร้อนของทะเลทรายได้แบบสบาย ๆ 

อูฐ

อูฐ เป็นสัตว์ที่เมื่อนึกถึงทะเลทรายเราย่อมนึกถึงพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาเป็นสัตว์ทะเลทรายที่เหมือนกับมาสคอตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับลามะ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ แต่เมื่อ 10 ล้านปีก่อนบรรพบุรุษของพวกเขานั้นได้เดินทางอพยพเข้าสู่ทวีปเอเชียและแอฟริกาก่อนจะตั้งรกรากอยู่บริเวณดังกล่าวโดยถาวร

ปัจจุบันสามารถแบ่งอูฐออกได้เป็น 3 สายพันธุ์ประกอบไปด้วย สายพันธุ์แอฟริกาเหนือและสายพันธุ์อาหรับที่จะมีเพียงแค่ 1 โหนก และสายพันธุ์แบคเทรียนที่มี 2 โหนก สาเหตุที่สายพันธุ์อาหรับและสายพันธุ์แอฟริกาเหนือนั้นมีเพียงโหนกเดียวนั่นก็เป็นเพราะว่า บริเวณที่พวกเขาอยู่อาศัยไม่ไกลจากทะเลทำให้มีฝนตกอยู่บ้าง ทำให้พอที่จะมีแหล่งน้ำกลางทะเลทรายที่อุดมสมบูรณ์ 

ดังนั้นมีเพียงโหนกเดียวก็ช่วยให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายในทะเลทรายแล้ว เมื่อโตเต็มวัยพวกเขาสามารถมีความสูงได้ถึง 2.3 เมตร เมื่อวัดจากหัวไหล่ลงมาถึงปลายเท้า เนื่องจากอูฐมีขาที่ยาวทำให้พวกเขาสามารถเดินได้อย่างรวดเร็วกว่า 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

หากเป็นตัวที่มีร่างกายสมบูรณ์ก็สามารถเดินได้ถึงวันละ 6 ชั่วโมง แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวหรือขนสัมภาระหนักก็ตาม นอกจากนี้ระหว่างเดินทางพวกเขายังไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่มเลยติดต่อกันได้เป็นเวลาหลายวันอีกด้วย 

อูฐ

สาเหตุที่ช่วยให้อูฐสามารถอยู่ท่ามกลางทะเลทรายได้ เกิดจากการที่พวกเขามีโหนกขนาดใหญ่เอาไว้สำหรับเก็บไขมัน ในตอนกลางคืนที่ทะเลทรายจะมีอากาศหนาวเหน็บ พวกเขาจะสามารถขับความร้อนออกจากร่างกายเพื่อต่อสู้กับอากาศหนาวเย็นได้ 

นอกจากนี้พวกเขายังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้แม้ว่าร่างกายจะสูญเสียน้ำไปกว่า 30% ก็ตาม พวกเขาเป็นสัตว์กินพืชที่สามารถกินพืชที่มีหนามแหลมคมอย่างกระบองเพชรซึ่งเป็นพืชทะเลทรายได้ แถมยังเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องอีกด้วยเพราะพวกเขาจะกลืนอาหารเข้าไปโดยที่ไม่เคี้ยวก่อน 

หลังจากนั้นพวกเขาจึงจะขย้อนอาหารออกมาเคี้ยวใหม่แล้วจึงกินกลับเข้าไปอีกรอบหนึ่ง เพื่อเป็นการลดภาระของกระเพาะอาหาร และมันยังเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้พวกเขาได้น้ำโดยที่ไม่ต้องกินน้ำ เพราะพวกมันกินพืชอวบน้ำทั้งหลายนั่นเอง 

ปกติแล้วพวกเขาจะดื่มน้ำแบบวันเว้นวัน แต่หากได้ดื่มน้ำอย่างเต็มที่อูฐจะสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องดื่มน้ำเลยไปถึง 6 วันเลยทีเดียว นอกจากนี้พวกเขายังมีสัญชาตญาณเรื่องทิศทางที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ว่าเส้นทางกลับบ้านอยู่ตรงไหนแม้ว่าพวกเขาจะออกเดินทางผจญภัยมาไกลบ้านก็ตามที 

ปกติแล้วพวกเขาค่อนข้างรักสงบแต่ก็อารมณ์ร้อนได้ง่ายเช่นเดียวกัน เวลาโกรธพวกเขาสามารถกัดเราได้เลย ดังนั้นคนดูแลจึงมักจะนำเอาตะกร้อสวมปากพวกเขาอยู่เสมอเพื่อป้องกันอันตราย 

เจออูฐตายอย่าเข้าใกล้โดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะโดนระเบิดได้ 

อูฐ

อูฐ ตอนมีชีวิตอยู่นั้นก็นับว่าเป็นสัตว์ตัวใหญ่ที่อันตรายอยู่แล้ว ถึงพวกเขาจะรักสงบและดูไม่มีพิษมีภัยอะไรแต่หากพวกเขาโจมตีเราขึ้นมา มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเราก็อาจจะได้รับบาดเจ็บได้เช่นเดียวกัน แต่ที่น่าสนใจก็คือ พวกเขาจะกลายเป็นสัตว์อันตรายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อพวกเขาตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรงทนทานมากแค่ไหนก็ตาม แต่ความตายนั้นเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และพวกอูฐเองก็เช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะตายหลังเกิดอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยเป็นโรคเรื้อรัง 

หากคุณเห็นศพพวกเขานอนแน่นิ่งอยู่กลางทะเลทราย เราขอแนะนำว่าไม่ควรเข้าใกล้โดยเด็ดขาด เพราะคุณอาจจะโดนพวกเขาระเบิดใส่เป็นการบอกลาเลิกครั้งสุดท้าย อย่างอลังการงานสร้างได้เช่นเดียวกัน 

อูฐ

นั่นก็เป็นเพราะว่า หลังจากอูฐตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จุลินทรีย์ภายในร่างกายของพวกเขาก็จะทำปฏิกิริยา โดยเฉพาะแบคทีเรียที่อยู่ในกระเพาะและลำไส้ที่ยังคงทำงานอยู่ แบคทีเรียเหล่านี้จะยังคงสร้างก๊าซจากการย่อยมากขึ้น

 ในขณะที่บริเวณโหนกของพวกเขานั้นก็อุดมไปด้วยไขมันก้อนใหญ่ ที่เมื่อพวกเขาตายลงไปแล้วมันก็จะเปลี่ยนกลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กรดอินทรีย์ มีเทน และโปรตีนที่จะถูกย่อยโดยก๊าซพิษชนิดอื่น พอรวมเข้ากับอากาศที่สุดแสนจะร้อนระอุและแห้งแล้งของทะเลทราย ที่เอื้อต่อการแพร่กระจายพันธุ์ของแบคทีเรีย 

ทำให้ซากศพของอูฐนั้นถูกย่อยสลายอย่างรวดเร็ว ก๊าซในร่างกายที่เกิดจากการย่อยก็เพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้นซึ่งล้วนแล้วแต่อันตรายและมีพิษทั้งสิ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวหนังของพวกเขาเริ่มโป่งพองขึ้นมานั่นคือสัญญาณเตือนว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของคุณนั้นอันตรายไม่แตกต่างอะไรจากระเบิดเวลา ที่สามารถระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อโดยที่ไม่มีใครสามารถบอกล่วงหน้าได้ 

ดังนั้นการเอื้อมมือไปแตะหรือแม้แต่การอยู่ใกล้กับพวกเขาเวลาตายไปแล้ว จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาดสักเท่าไหร่ นั่นก็เป็นเพราะว่าระเบิดของพวกเขานั้นสามารถสร้างอันตรายให้กับสัตว์สายพันธุ์อื่นรวมไปถึงมนุษย์อย่างเราด้วยเช่นเดียวกัน 

ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยแต่เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเจอกับตัวอย่างแน่นอน เพราะอันตรายที่ได้รับจะไม่ใช่แค่แรงระเบิดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงก๊าซพิษที่อยู่ภายในที่ไม่ต่างอะไรจากอาวุธชีวภาพ นอกจากกลิ่นจะเหม็นรุนแรงเกินจินตนาการแล้ว ยังอาจทำให้คุณเจ็บป่วยในภายหลังได้อีกด้วย 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment