แมงมัน เป็นแมลงที่คนภาคเหนือและภาคอีสาน นิยมนำการประกอบอาหารด้วยการทอด หรือ คั่ว เป็นอาหารตามฤดูกาลที่หากินได้ยากพอสมควร ซึ่งวัฒนธรรมในการกินแมลงนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยแมลงแต่ละชนิดที่กินกันนั้นอาจจะดูไม่ค่อยน่ารับประทานเท่าไหร่ แต่กลับมีราคาแพงมาก กิโลกรัมละหลายร้อยบาทเลยทีเดียว และวันนี้ Animal kingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “แมงมัน” ที่มีการนำมากินเป็นอาหาร ถ้าหากทุกคนพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ
ข้อมูลทั่วไปของแมงมัน
แมงมันเป็นชื่อของมดที่ทำหน้าที่เป็นราชินี เป็นมดชนิดหนึ่งที่สามารถนำมารับประทานได้ โดยแมลงชนิดนี้จะอยู่ในวงศ์ Formicidae มดพวกนี้จะมีอยู่ 6 วรรณะ ได้แก่
- แม่เพ้อหรือแมงมันแม่เป็นวรรณะราชินี
- เต้งใหญ่เป็นวรรณะเจ้าหญิงทายาท
- เต้งรองเป็นวรรณะสวามี
- แย็บอยู่ในวรรณะมดงาน
- แย็บใหญ่เป็นวรรณะทหาร
- มดแม่หมันเป็นวรรณะมดสร้างรัง
ที่อยู่อาศัยของแมงมัน
แมลงพวกนี้ชอบอาศัยอยู่ในดินที่เป็นดินดอนน้ำไม่สามารถท่วมถึง พวกมันจะชอบดินที่อยู่ใกล้กับรากไม้ใหญ่ ๆ และชอบดินแข็ง ๆ คล้ายกันกับปลวก แต่แมงมันนั้นจะไม่ก่อพูนดินขึ้น แมลงพวกนี้จะออกจากรูในช่วงเดือนพฤษภาคม จะเป็นช่วงฤดูฝนเนื่องจากน้ำจะซึมลงไปใต้ดินจึงทำให้แมลงพวกนี้ไม่สามารถอยู่ได้จนต้องออกจากรูมาอยู่บนพื้นดิน โดยพวกมันจะไม่ย้ายรังไปไหนถ้าหากไม่ถูกรบกวนจากมนุษย์
ลักษณะ
ตัวผู้จะมีสีเหลือง ตัวเล็กกว่าตัวเมีย โดยตัวผู้นั้นจะไม่นิยมนำมากินเป็นอาหารเนื่องจากมีรสชาติที่ขม ส่วนตัวเมียจะมีสีแดงคล้ำ โดยจะตัวใหญ่ที่สุด และเป็นที่นิยมนำมากินเป็นอาหาร ซึ่งจะมีรสชาติมัน ๆ
การวางไข่
แมลงชนิดนี้จะวางไข่ในโพรงใต้ดิน ซึ่ง หลังจากวางไข่เสร็จไข่จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะมีขนาดที่เล็ก เวลาฟักจะฟักออกเป็นมดขนาดเล็ก ๆ แต่ส่วนที่ 2 จะมีขนาดที่ใหญ่คล้ายกับไข่ของมดแดง ซึ่งจะเริ่มเจริญเติบโตมาเป็นดักแด้ แล้วหลังจากนั้นจะเจริญเติบโตมาเป็นแมงมันที่ตัวเต็มวัยแบบมีปีกสามารถบินได้ โดยเวลาที่ลูกของแมลงชนิดนี้จะออกจากรู แม่ของพวกมันจะออกมาก่อน เพื่อที่จะขยายรูให้ใหญ่ขึ้น เนื่องจากลูกน้อยจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าแม่ และจะใช้เวลาในการขยายรูให้ใหญ่ขึ้นประมาณ 3 ชั่วโมง หลังจากขยายเสร็จลูกของแมลงพวกนี้จะค่อย ๆ ทยอยออกจากรู เมื่อออกมาพ้นรูก็จะสลัดปีกทิ้ง แล้วขุดดินมุดกลับไปใต้ดินเพื่อจะวางไข่ต่อและเสียชีวิตลง ส่วนตัวผู้จะเสียชีวิตตั้งแต่ผสมพันธุ์เสร็จ
