บนโลกใบนี้มีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่เคยรู้หรือไม่เคยค้นพบมาก่อน โดยเฉพาะใต้น้ำทะเลลึกที่มีการสำรวจน้อยกว่าบนอวกาศเสียอีก หนึ่งในสิ่งที่ทำให้หลายคนต้องแปลกใจก็คือ “ปลาตกเบ็ด” ที่ Animalkingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ พวกเขาอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึกที่หากไม่มีเทคโนโลยีมากพอ เราก็คงไม่มีวันได้เห็นพวกเขาอย่างแน่นอน และด้วยการที่พวกเขาอยู่ใต้น้ำลึก ทำให้ลักษณะรูปร่างของพวกเขามีความน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว ความจริงแล้วพวกเขาเป็นใครและน่ากลัวเหมือนกับรูปร่างหน้าตาหรือไม่ ตาม Animalkingdom ไปดูกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับปลาตกเบ็ด ปลาใต้ท้องทะเลลึกที่หลายคนหวาดกลัว
ดำดิ่งลึกลงไปใต้ท้องทะเลที่ความลึกเพียงแค่ 3.2 กิโลเมตร เราก็จะเข้าสู่ความมืดมิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถึงอย่างนั้นในบริเวณนี้ก็มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากมายอย่างเช่น “ปลาตกเบ็ด” ปลาที่มีลักษณะภายนอกดูน่ากลัวและไม่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย พวกเขามีลำตัวอ้วนกลมขนาดใหญ่ มีครีบเล็กอยู่สองฝั่งข้างแก้ม มีหางขนาดใหญ่ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว
ปากของพวกเขาอ้าได้กว้างเกือบจะเท่ากับความกว้างของลำตัว เมื่อพวกเขาอ้าปากเราจะพบกับเขี้ยวแหลมคมที่ยื่นยาวออกมาจำนวนไม่น้อย ที่หากใครถูกกัดเข้าก็คงจะรู้สึกเจ็บอย่างแสนสาหัสแน่นอน ถึงแม้ว่าจะอยู่ใต้ท้องทะเลลึกแต่พวกเขาก็มีดวงตาสีขาวโพลนอันเล็ก ๆ เช่นเดียวกัน
สิ่งที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นมากที่สุดก็คือ คันเบ็ด ที่ยื่นออกมาบริเวณหน้าผากของเขาเป็นเส้นตรง ด้านบนของคันเบ็ดจะมีลักษณะเป็นทรงเหมือนกับโคนไอศกรีมและเรืองแสงได้ ใช้ในการส่องสว่างรวมไปถึงการล่อเหยื่อเหมือนกับมนุษย์ที่โยนเบ็ดตกปลานั่นเอง
ผิวหนังของพวกเขาเป็นสีน้ำตาลเข้มอมเขียวที่ดูไร้ชีวิตชีวา ใช้เวลาตลอดชีวิตในการไหว้ไปมาโดยมีแบคทีเรียเรืองแสงคอยอยู่เป็นเพื่อนข้างกาย อ้าปากเพื่อรอว่าแสงไฟของพวกเขาจะสามารถดึงดูดเหยื่อสักตัว ให้พลัดหลงเข้ามาในรัศมีที่พวกเขาสามารถงับปากถึง
อวัยวะที่คล้ายเบ็ดของพวกเขานั้นมีชื่อเรียกเฉพาะที่เรียก “เอสคา” เป็นภาษาละตินที่มีความหมายว่าอาหาร มันสามารถแกว่งไปมาได้เหมือนกับเหยื่อที่กำลังมีชีวิตอยู่ สาเหตุที่คันเบ็ดนี้เรืองแสงได้ เกิดจากกระบวนการทางเคมี ที่ถูกควบคุมด้วยแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ด้านบนปลายของคันเบ็ด
เป็นการอยู่อาศัยร่วมกันแบบให้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพราะตัวปลาก็จะส่งอาหารให้กับแบคทีเรียเหล่านี้ ส่วนแบคทีเรียก็จะทำปฏิกิริยาทางเคมีให้เบ็ดเรืองแสงล่อเหยื่อให้กับปลานั่นเอง
เห็นอย่างนี้พวกเขาก็มีความพิเศษนอกจากหน้าตาที่น่ากลัวเช่นเดียวกัน เพราะสัตว์แปลกสายพันธุ์นี้มีกระเพาะอาหารที่สามารถยืดหยุ่นให้มีขนาดใหญ่มากกว่าตัวเองได้ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตใต้ท้องทะเลอันมืดมิดเป็นอย่างมาก เพราะการที่สัตว์นักล่าสายพันธุ์นี้ สามารถกลืนเหยื่อที่ขนาดใหญ่มากกว่าตัวเองได้ถึง 2 เท่า จะช่วยให้พวกเขาสามารถมีชีวิตได้ยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิม
พวกเขานั้นมีด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ อลูมิเนเทด เน็ตเดวิล ที่เรามักจะเห็นรูปของพวกเขาอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ โดยปกติแล้วตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมียและพวกเขายังไม่มีสายสำหรับล่อเหยื่ออีกด้วย
นั่นก็เป็นเพราะว่า พวกเขาไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับการหาอาหารสักเท่าไหร่ และให้ความสนใจกับการหาคู่มากกว่า พวกมันจะใช้ดวงตากลมโตที่ไร้ชีวิตชีวาในการสอดส่องมองหาตัวเมียที่เหมาะสม ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถใช้จมูกตามกลิ่นฟีโรโมนของตัวเมียได้อีกต่างหาก
วิธีการผสมพันธุ์ก็สยองขวัญไม่น้อย เพราะหลังจากที่พวกเขาเจอตัวเมียที่พึงพอใจ พวกเขาก็จะกัดตัวเมียให้เกาะติดกันแนบแน่น หลังจากนั้นก็จะเริ่มสลายตัวเองทั้งกระดูก ผิวหนัง กล้ามเนื้ออันน้อยนิด หลอดเลือด ผสานเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเมีย ใช้เวลาราว 2-3 สัปดาห์ กว่าส่วนที่เหลืออย่างถุงอัณฑะจะทำหน้าที่ส่งน้ำเชื้อให้กับตัวเมีย
ที่สำคัญบางตัวหากหาตัวเมียไม่เจอ ก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นตัวเมียได้เช่นเดียวกัน ด้วยการขยายขนาดร่างกาย มันจึงกลายมาเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมถึงแม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกที่ เต็มไปด้วยอุปสรรคในการใช้ชีวิตมากมาย แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถสืบเผ่าพันธุ์มาได้จนถึงในปัจจุบัน
ปลาตกเบ็ด ถึงอยู่ใต้ทะเลลึกแต่ก็ยังหนีไม่พ้นภัยคุกคามจากมนุษย์
ปลาตกเบ็ด เป็นสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกจนถึงขั้นที่ไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีคนไปยุ่งกับพวกเขาอย่างแน่นอน และพวกเขาก็คงจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติได้อย่างสงบสุข แต่ดูเหมือนว่ามนุษย์เรานั้นจะเป็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงมากที่สุด สำหรับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ก็ว่าได้ เพราะถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึกแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็ยังคงมีภัยคุกคามเป็นมนุษย์อยู่ดี
พวกเขานั้นเป็นที่สนใจเป็นอย่างมากทั้งในด้านการประมงและการค้าในแถบทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ แอฟริกา รวมไปถึงเอเชียตะวันออก แม้ว่าจะมีหน้าตาน่ากลัวแต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่นิยมนำเอาพวกเขามาประกอบอาหารกันอย่างแพร่หลาย แถมยังถูกนำเอามาเปรียบเทียบกับกุ้งมังกรอีกด้วยว่า รสชาติและเนื้อสัมผัสแทบจะไม่แตกต่างกัน