บนโลกใบนี้มีสัตว์ที่ดูแปลกประหลาดมากมายจนเหมือนติดบัคตอนพระเจ้าสร้าง เพราะนอกจากมันจะดูแปลกประหลาดแล้ว บางทียังสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตอีกด้วย อย่างเช่น ปลาแสงอาทิตย์ ที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันในวันนี้ บางคนก็บอกว่าพวกเขามีลักษณะเหมือนกับยานอวกาศ ในขณะที่บางคนก็ปรามาสว่าพวกเขาเป็นชามข้าวหมา สรุปแล้วปลาแสงอาทิตย์เป็นใครมาจากไหนกันแน่ วันนี้เรามีคำตอบ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับปลาแสงอาทิตย์ ยานอวกาศใต้น้ำหน้าตาแปลกประหลาด
ปลาแสงอาทิตย์ นั้นมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า ปลาโมลา โมล่า พวกเขาจัดเป็นปลากระดูกแข็งที่อยู่ในอันดับปลาปักเป้านั่นก็เป็นเพราะว่า เห็นแบบนี้พวกเขาก็มีพิษเช่นกัน สัตว์น้ำสายพันธุ์นี้เป็นสัตว์ติดบัคที่รูปร่างหน้าตาดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก หากเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดก็คงจะเหมือนกับยานอวกาศ UFO
เพราะพวกเขามีขนาดตัวที่ใหญ่โตถึงขนาดที่ว่า หากตัวโตเต็มที่จะสามารถมีน้ำหนักได้กว่า 2.3 พันกิโลกรัม และยังมีความยาวได้กว่า 3.2 เมตรเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ปลาแสงอาทิตย์จึงกลายเป็นสัตว์ใต้น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่ถึงขนาดที่มักจะว่ายไปชนเรือขนาดใหญ่อยู่เป็นประจำ จนได้รับความเสียหายกันทั้งเรือและปลา
พวกเขามีส่วนหัวที่ใหญ่โตแล้วก็จบลงแค่นั้น เพราะถัดไปจากหัวก็เป็นครีบหลังที่แผ่ออกมาแบบสั้น ๆ มีครีบด้านบนและด้านล่างลำตัวทรงสามเหลี่ยมปลายมนที่ยื่นยาวออกมา มีครีบกลางลำตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในการว่ายน้ำและออกล่าเหยื่ออย่างแมงกะพรุนได้เช่นเดียวกัน สาเหตุที่ปลาแสงอาทิตย์กินแมงกะพรุนที่มีพิษได้นั้นเกิดจากการที่พวกเขาไม่มีเกล็ด มีผิวหนังที่ทั้งยืดหยุ่นและหยาบเป็นอย่างมาก มีเมือกปกคลุมทั้งลำตัวเป็นเกราะป้องกันชั้นดี ทำให้เข็มพิษของแมงกะพรุนไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้แม้แต่น้อย
การสืบพันธุ์
ปลาแสงอาทิตย์นับเป็นสัตว์ทะเลที่มีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถวางไข่ได้มากที่สุดในโลกเป็นจำนวนกว่า 300 ล้านฟองต่อครั้ง แต่หลังวางไข่เสร็จพวกเขาก็จะทิ้งไข่เหล่านั้นไว้ให้ลอยไปตามกระแสน้ำตามยถากรรม
เมื่อเหล่าลูกปลาฟักออกมาจากไข่ พวกเขาจะมีลักษณะคล้ายกับปลาปักเป้าที่มีตุ่มหนามทั้งตัว มีขนาดเล็กเพียงแค่ปลายนิ้วของมนุษย์เท่านั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมลูกปลาแสงอาทิตย์จึงกลายมาเป็นอาหารอันโอชะของบรรดาสัตว์น้ำที่อยู่ในทะเล ส่งผลให้ตัวที่เหลือรอดจนโตเต็มวัยได้นั้น เหลือเพียงแค่น้อยนิดจากจำนวนพี่น้องร่วม 300 ล้านตัว
ประกอบกับสรีระร่างกายที่ไม่สมส่วน ทำให้พวกเขานั้นต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิต ถึงแม้ว่าจะมีลำตัวที่ใหญ่โตมโหฬารมากแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นจำนวนของพวกเขาจึงเหลือน้อยลงทุกวัน แม้จะยังไม่ถึงขั้นเสี่ยงสูญพันธุ์ แต่เชื่อว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะให้เขาอยู่เป็นสัตว์ติดบัคบนโลกใบนี้ต่อไปอีกนาน ๆ อย่างแน่นอน
ปลาแสงอาทิตย์ สัตว์สายพันธุ์ที่น่าสงสารมากที่สุดในโลก
ปลาแสงอาทิตย์ เป็นปลาที่มีชีวิตน่าสงสารมากที่สุดอีกสายพันธุ์หนึ่งในโลก พวกเขาเป็นสัตว์แปลกที่ดูเหมือนพระเจ้าไม่ได้ตั้งใจสร้างขึ้นมาสักเท่าไหร่ ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตแต่ไร้ประโยชน์ของพวกเขา ที่สำคัญพวกเขายังมีน้ำหนักเมื่อโตเต็มที่กว่า 2 ตัน แต่ประเด็นก็คือพวกเขาเป็นปลาที่ดันไม่มีหาง มีครีบอยู่ด้านบนลำตัวทั้งสองข้าง ส่วนครีบที่อยู่ข้างลำตัวก็เป็นครีบที่เล็กเสียจนไม่น่าจะพยุงตัวได้สักเท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงลอยอยู่ในน้ำไปมาแบบไร้ทิศทาง นอกจากนี้ขนาดตัวที่ใหญ่โตมโหฬารของพวกเขา ยังไม่ได้ช่วยให้พวกเขาเป็นนักล่าที่ดีแต่อย่างใด แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาไม่ได้อันตรายถึงขนาดนั้น พวกเขาไม่มีความดุร้ายแถมยังเชื่องจนสามารถเล่นกับนักดำน้ำได้เลยทีเดียว แต่สำหรับนักเดินเรือพวกเขาถือว่าอันตรายไม่น้อยเช่นเดียวกัน เพราะในอดีตพวกเขาเคยกระโดดขึ้นไปบนเรือและทำให้ลูกเรือต้องเสียชีวิตมาแล้ว
ความน่าสงสารของปลาแสงอาทิตย์ไม่ได้มีเพียงแค่ความขาด ๆ เกิน ๆ ของพวกมันเพียงอย่างเดียว แต่พวกมันนั้นยังมีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ปลาแปลก ๆ สายพันธุ์นี้จึงไม่ตายถึงแม้ว่าจะโดนกัดมากแค่ไหนก็ตาม
ศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาก็คือ สิงโตทะเลและแมวน้ำ ที่ชอบมากัดตัวพวกเขาเพื่อรับพิษอ่อน ๆ เนื่องจากพวกเขาเป็นสัตว์มีพิษ เหมือนกับที่มนุษย์ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แมวน้ำหรือสิงโตทะเลไม่ได้อยากจะกินพวกเขาเพื่อเป็นอาหาร แค่ต้องการจะเล่นสนุกเท่านั้น
เมื่อโดนกัดแล้วพวกเขาก็จะไม่สามารถว่ายน้ำได้ตามเดิม จึงทำให้ปลาแสงอาทิตย์จมลงสู่ก้นทะเลและกลายเป็นเหยื่อของสัตว์น้ำชนิดอื่นอีกหลายชีวิต จนสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงอย่างแสนเศร้าในที่สุด มันจึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะรู้สึกชื่นชอบและสงสารพวกเขาเป็นอย่างมาก
ด้วยความน่าเอ็นดูในความไม่ค่อยฉลาดของพวกเขา อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นสัตว์ติดบัค ในปัจจุบันพวกเขาจึงมีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ อย่างน่าใจหาย มันคงน่าเสียดายไม่น้อยหากในอนาคตพวกเขาต้องสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me