บนโลกของเรานั้น เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมาย ทั้งที่เราพบเห็นได้ทั่วไปและที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่จริง ๆ บนโลกของเราอย่างเช่น ฟองน้ำทะเล พวกเขานั้นมีลักษณะเหมือนกันกับฟองน้ำด้วยชื่อที่บ่งบอกลักษณะได้อย่างชัดเจน แต่เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกสับสนไม่น้อยว่า สุดท้ายแล้วพวกเขาเป็นพืชหรือสัตว์กันแน่ พวกเขาเป็นตัวอะไรและมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรใต้ท้องทะเลที่เต็มไปด้วยความมืดมิด วันนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับฟองน้ำทะเล สิ่งมีชีวิตที่มาพร้อมกับรูปร่างสุดแปลกประหลาด
เวลาที่ไปเที่ยวทะเลเชื่อว่าคุณคงเคยพบเจอกับสิ่งมีชีวิตที่หน้าตาแปลกประหลาดมาบ้างไม่มากก็น้อย และหนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น “ฟองน้ำทะเล” ชื่อของพวกเขานั้นมาจากลักษณะภายนอกของพวกเขา ที่เหมือนกับอุปกรณ์ที่เราใช้ล้างจานแบบไม่มีผิดเพี้ยน พวกเขานั้นมีร่างกายที่เป็นรูพรุนทั่วทั้งลำตัว มีสีสันที่สดใสไม่ว่าจะเป็นสีส้มหรือสีแดง
ส่วนใหญ่มักจะพบเจอฟองน้ำทะเลตามก้อนหินหรือโขดหิน มีลักษณะเป็นก้อนที่ติดอยู่ด้านบนหรือไม่ก็เคลือบอยู่กับก้อนหินไปเลยก็มีเช่นเดียวกัน บางชนิดก็มีขนาดเล็กกะทัดรัด ในขณะที่บางชนิดก็มีรูปลักษณ์ที่ใหญ่โตเหมือนกับถังน้ำมัน หากคุณลองสัมผัสดูจะพบว่า พวกมันมีความนิ่มและยืดหยุ่นไม่น้อย หากเราจับพวกเขายืดจะสามารถดีดตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
สำหรับคำถามที่ว่าฟองน้ำทะเลเป็นสัตว์น้ำหรือเป็นพืชกันแน่คำตอบก็คือ พวกเขาเป็นสัตว์ โดยจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ที่ถือกำเนิดบนโลกใบนี้มาตั้งแต่ประมาณ 6 ล้านปีที่แล้ว มีความเชื่อว่าบรรพบุรุษของพวกเขานั้นเป็นสัตว์เซลล์เดียวจำพวกโพรโทซัวที่อยู่ร่วมกันเป็นโคโลนี เนื่องจากโพโทซัวที่มีปลอกคอเหล่านี้ มีลักษณะใกล้เคียงกับเซลล์ของพวกเขาเป็นอย่างมาก
น่าเสียดายที่ในปัจจุบันจำนวนของพวกเขาลดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โชคดีที่เรายังคงสามารถพบเห็นพวกเขาได้บ้าง เนื่องจากมีความโดดเด่นรองลงมาจากปะการังในทะเลเขตร้อน และพวกเขาบางชนิดยังสามารถพบได้ทั่วไปตามชายฝั่งทะเลในเขตหนาวและเขตอบอุ่นอีกด้วย
โครงสร้างร่างกายของฟองน้ำทะเลนั้น มีความเรียบง่ายเป็นอย่างมาก เนื่องจากเซลล์ได้เรียงตัวกันแบบหลวม ๆ โดยที่ไม่มีเนื้อเยื่อที่แท้จริง ดังนั้นพวกเขาจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากสัตว์สายพันธุ์อื่น การที่พวกเขามีรูอยู่รอบตัว ทำให้น้ำสามารถไหลผ่านได้โดยอาศัยการพัดโบกโดยใช้เซลล์พิเศษ ซึ่งทำหน้าที่ในการจับอาหาร รวมไปถึงดักจับก๊าซออกซิเจนเอาไว้สำหรับหายใจ เมื่อผ่านการกรองเป็นที่เรียบร้อยแล้วน้ำที่เหลือก็จะผ่านออกมาทางท่อน้ำออก
วิธีการกินอาหารของพวกเขานั้น ทำให้พวกเขาสามารถกรองน้ำทะเลได้มากกว่า 10 เท่าของปริมาตรตัวของพวกเขาเองใน 1 ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมใต้ทะเลเป็นอย่างมาก ช่วยให้น้ำทะเลมีความใสสะอาดมากขึ้นกว่าเดิม สามารถลดตะกอนขนาดเล็กรวมไปถึงตะกอนสารอินทรีย์ในทะเลได้เป็นอย่างดี
ด้วยความที่พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างจะอยู่ง่ายกินง่าย ประกอบกับไม่ค่อยมีสัตว์ตัวไหนกินพวกเขาเป็นอาหารสักเท่าไหร่ ทำให้พวกเขามีอายุที่ค่อนข้างยืน บางชนิดที่อาศัยอยู่ในบริเวณถ้ำใต้ทะเล สามารถมีอายุยืนยาวได้มากกว่า 5,000 ปีเลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ฟองน้ำทะเลยังเป็นสัตว์ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอย่างมากอีกด้วย โดยนักวิชาการคาดเอาไว้ว่า บนโลกใบนี้น่าจะมีพวกเขากระจายตัวอยู่ทั่วโลกมากกว่า 1.5 หมื่นชนิด ในปัจจุบันมีการตรวจสอบและจำแนกชนิดของพวกเขาไปเพียงแค่ประมาณ 7,000 ชนิดเท่านั้น
สาเหตุที่พวกเขามีความหลากหลายเกิดจากการที่ พวกเขานั้นอยู่อาศัยได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำทะเล แต่ส่วนใหญ่แล้วจะพบในทะเลเป็นจำนวนมากกว่า 98% ในประเทศไทยของเราเองก็มีสมาชิกของพวกเขาจำนวนไม่ต่ำกว่า 500 ชนิด ทั้งในฝั่งของทะเลอันดามันและอ่าวไทย แต่ที่ค้นพบแล้วจะมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 150 ชนิด
รู้หรือไม่ ครั้งหนึ่งฟองน้ำทะเลเคยถูกมนุษย์นำเอามาใช้ประโยชน์ด้วย
ชื่ออุปกรณ์ที่เราใช้ในการทำความสะอาดล้างจานในปัจจุบัน ไม่ใช่ความบังเอิญแต่อย่างใด ที่มันเป็นชื่อเดียวกับฟองน้ำทะเลที่เราได้พาทุกคนมาทำความรู้จักกันในวันนี้ เพราะในอดีตสัตว์ที่เคยดีต่อระบบนิเวศทางทะเลเป็นอย่างมากสายพันธุ์นี้ เคยถูกมนุษย์นำเอามาใช้ประโยชน์มาอย่างยาวนานแล้ว
มีการนำเอาพวกเขามาแปรรูปเพื่อใช้ในการทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนรวมไปถึงร่างกาย ใช้ในการซับเลือดจากบาดแผล สามารถใส่เอาไว้ในถุงกระเพาะอูฐเพื่อการลดระเหยของน้ำระหว่างเดินทางไกลได้อีกด้วย สามารถใช้ทำเครื่องสำอาง ทำยารักษาโรค ใช้ทำงานศิลปะ ซับประจำเดือนของสุภาพสตรี
แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในปัจจุบันมนุษย์เราได้สร้างฟองน้ำสังเคราะห์ออกมาใช้แทนพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะนอกจากจะมีราคาที่ถูกกว่า กรรมวิธีการผลิตก็ยังไม่ยุ่งยากอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงมีบทบาทความสำคัญในทางการแพทย์และด้านความสวยความงามอยู่ดี