ดูเหมือนว่าในยุคสมัยของพวกเรา เป็นยุคสมัยที่มีสัตว์หลายสายพันธุ์ต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย ถึงมีข่าวออกมามากมาย แต่น่าเศร้าที่เรากลับรู้สึกชินชากับเรื่องนี้เลย อย่างเช่นประเด็นของวาฬหลังค่อม วาฬที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 จากญาติพี่น้องทั้งหมด มันทั้งดูสวยงามและเป็นพี่ใหญ่ใจดี เป็นมิตรแม้กระทั่งกับมนุษย์ แต่ในอนาคตพวกเขาอาจไม่ได้อยู่ให้เราชื่นชมความสวยงามอีกต่อไป จากมลภาวะมากมายและสภาพอากาศที่แปรปรวน วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวาฬหลังค่อมให้มากขึ้น ก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้เห็นพวกเขาตัวเป็น ๆ อีกต่อไป
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับวาฬหลังค่อม พี่ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลกว้างใหญ่
วาฬหลังค่อม เป็นวาฬที่มีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก จัดว่าใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 8 จากบรรดาวาฬทั้งหมดเลยทีเดียว พวกเขาสามารถมีน้ำหนักตัวได้สูงสุดกว่า 45 ตัน และมีความยาวถึง 25 เมตรกันเลยทีเดียว หากเทียบกับมนุษย์แล้ว พวกเราแทบจะไม่แตกต่างอะไรจากสัตว์ตัวเล็ก ๆ ในท้องทะเลเลยแม้แต่น้อย
สำหรับคนที่ยังเข้าใจผิดคิดว่าวาฬเป็นปลา เนื่องจากบางคนก็เรียกติดปากว่าปลาวาฬ เพราะลักษณะภายนอกพวกเขาก็ดูเหมือนปลาจริง ๆ แต่ความจริงแล้วสัตว์น้ำสายพันธุ์นี้จัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพียงแต่พวกเขาอาศัยอยู่ในน้ำเท่านั้น
ถึงแม้ว่าวาฬหลังค่อมจะตัวใหญ่มหึมาแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขาไม่ได้เป็นอันตรายต่อมนุษย์แต่อย่างใด เนื่องจากสัตว์ทะเลสายพันธุ์นี้กินอาหารด้วยการกรองน้ำ ด้วยแผ่นกรองที่มีจำนวนกว่า 800 แผ่นบริเวณขากรรไกรบน
วาฬหลังค่อมสามารถกลืนน้ำเข้าไป แล้วกรองเอาอาหารประเภทสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่น ปลาตัวเล็ก แพลงก์ตอน ตัวเคย แล้วกลืนเข้าไปเป็นอาหาร การที่มนุษย์จะหลุดเข้าไปอยู่ในปากของพวกเขาแล้วโดนกินเข้าไป จึงเป็นเรื่องที่แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้
ในแต่ละวันวาฬหลังค่อมสามารถกินอาหารได้ถึง 1 ตันเลยทีเดียว นอกจากจะไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์แล้ว พวกเขายังเป็นสัตว์ตัวใหญ่ใจดีที่สามารถหาอาหารร่วมกับปลาชนิดอื่น ๆ ได้อีกด้วย
เสียงอันเป็นเอกลักษณ์
วาฬหลังค่อม มาพร้อมกับเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ มีนักวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับรหัสเสียงของพวกเขาพบว่า มันมีความแตกต่างกันกว่า 34 เสียงเป็นอย่างน้อยเลยทีเดียว เสียงเหล่านี้ถูกใช้ในคลื่นความถี่สำหรับการสื่อสารเฉพาะสายพันธุ์เท่านั้น
ดังนั้นมันจึงใช้บอกเล่าเรื่องราวหรือใช้หาคู่ได้ แถมเสียงยังดังได้ไกลถึง 161 กิโลเมตร และเสียงจะดังยาวนานกว่า 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังค้นพบว่า บรรดาลูก ๆ จะสื่อสารกับแม่โดยจะใช้เสียงดังไม่เกิน 40 เดซิเบล เพื่อไม่ให้บรรดานักล่าในท้องทะเลได้ยินอีกด้วย เป็นพฤติกรรมที่ฉลาดเกินคำบรรยายจริง ๆ
พฤติกรรมเฉพาะตัว
วาฬหลังค่อมชื่นชอบการกระโดดขึ้นมาโชว์ตัวเหนือน้ำเป็นอย่างมาก เวลานักท่องเที่ยวได้เห็นก็มักจะเป็นภาพที่น่าประทับใจอยู่เสมอ สาเหตุที่ทำให้พวกเขากระโดดขึ้นมาเหนือน้ำเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการสลัดเพรียงซึ่งเป็นปรสิตตามตัวให้หลุดออก
บ้างก็ว่าตัวผู้กระโดดเพื่อโชว์ความสามารถให้ตัวเมียได้เห็น เพราะเวลาที่มีตัวผู้กระโดดขึ้นมาสักตัวหนึ่ง ตัวอื่น ๆ ก็มักจะกระโดดตามมาแข่งขันกันอยู่เสมอ ที่สำคัญหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าพวกเขาว่ายน้ำช้ามาก ทำความเร็วสูงสุดได้เพียงแค่ 14.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น แถมยังกลั้นหายใจได้ประมาณ 4-7 นาที ถือว่าสั้นมากหากเทียบกับวาฬชนิดอื่น
ถิ่นที่อยู่อาศัย
วาฬหลังค่อมมีถิ่นที่อยู่อาศัยบริเวณทะเลเปิด รวมถึงมหาสมุทรทั่วทั้งโลก ในช่วงฤดูหนาวของทุกปีพวกเขาจะมีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โดยจะย้ายจากบริเวณใกล้ขั้วโลกมาบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตรที่อุณหภูมิน้ำทะเลอบอุ่นกว่า พวกเขาจะผสมพันธุ์และออกลูกกันในช่วงเวลานี้ เมื่อลูกวาฬมีอายุครบ 5 เดือน แม่ก็จะพาพวกมันเดินทางกลับคืนสู่ขั้วโลกที่มีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์มากกว่า
จากปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่น สู่การลดปริมาณของลูกวาฬหลังค่อม
โดยปกติแล้ววาฬหลังค่อมสามารถตกลูกได้ทุก 2-3 ปี ใช้เวลาในการตั้งท้องยาวนานถึง 11 เดือน และจะตกลูกเพียงแค่ 1 ตัวต่อครั้งเท่านั้น หลังจากคลอดออกมาลูกก็จะกินนมแม่ถึง 100 แกลลอนเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นเดิมทีพวกเขาจึงเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างสืบพันธุ์และมีลูกได้ยากอยู่แล้ว หากไม่นับรวมปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
พวกเขาก็ยังคงจัดเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อยู่ดี แต่ถึงอย่างนั้นการสูญพันธุ์ของพวกเขากลับถูกเร่งกระบวนการจากน้ำมือของมนุษย์ให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าประชากรของพวกเขาจะเพิ่มจำนวนขึ้นกว่าเดิมก็ตาม
ภาวะโลกร้อนได้ส่งผลให้ปริมาณน้ำแข็งในทะเลลดจำนวนลง จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าในเขตหนาวหรือหมีขั้วโลกแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อฤดูหากินของวาฬหลังค่อมด้วยเช่นกัน
นับตั้งแต่ปี 2013 มวลน้ำทะเลอุ่นเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะบริเวณอ่าวอลาสกา จากนั้นก็แพร่กระจายไปทางชายฝั่งแปซิฟิก ก่อให้เกิดความผิดปกติตามมามากมายหรือที่เราเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่าเอลนีโญ
มีการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับวาฬหลังค่อมพบว่า ตัวเมียมีการย้ายที่อยู่อาศัยในฤดูร้อนถึง 4,800 กิโลเมตร โดยเดินทางจากอลาสกาไปยังฮาวายเพื่อออกลูก รวมถึงเลี้ยงลูกน้อยลงกว่าเดิม ในฮาวายสัตว์หลายสายพันธุ์ต้องเผชิญกับความอดอยาก เพราะอาหารน้อยลงกว่าเดิม
ส่งผลให้วาฬหลังค่อมทั้งออกลูกน้อยลงและเลี้ยงลูกยากกว่าเดิม หากเรายังคงปล่อยไว้ไม่แก้ไข บอกได้เลยว่ามันจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อวาฬเหล่านี้อย่างแน่นอน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me