สัมผัสวิวัฒนาการของ ค้างคาว ไม่ใช่สัตว์ปีกแต่บินได้

by animalkingdom
56 views
ค้างคาว

มีสัตว์อยู่สายพันธุ์หนึ่งที่มาพร้อมกับวิวัฒนาการที่น่าสนใจ จะเป็นสัตว์ปีกก็ไม่ใช่ เป็นหนูก็ไม่เชิง เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หลายคนคงนึกออกว่าสิ่งที่เราพูดถึงก็คือ ค้างคาว พวกมันเป็นสัตว์ที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของมนุษย์มาหลายยุคหลายสมัย และยังเป็นสัญลักษณ์ของแวมไพร์ดูดเลือดอีกด้วย ทำให้พวกมันกลายเป็นสัตว์ที่มีภาพลักษณ์ดูลึกลับและน่ากลัว แต่ความเป็นจริงแล้วพวกมันมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้นมากให้คุณได้ทำความรู้จักเช่นกัน

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

สำรวจชีวิตค้างคาว สัตว์ที่เต็มไปด้วยเรื่องเข้าใจผิดจนมนุษย์หลายคนกลัว

ค้างคาว

ค้างคาว มักถูกเข้าใจว่าเป็นสัตว์ปีก แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกมันคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพียงแต่ว่าพวกมันมีปีกและสามารถบินได้ ถือกำเนิดบนโลกใบนี้มาตั้งแต่ 50 ล้านปีที่แล้ว ว่ากันว่าต้นกำเนิดของพวกมันเกิดจากสัตว์เลือดอุ่นที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ วิวัฒนาการนิ้วให้มีความเรียวยาวและมีพังผืดเป็นปีก

และยังมีการพัฒนาการเรื่องการส่งเสียงสะท้อน สำหรับการหาอาหารและควบคุมทิศทางการบินได้อีกด้วย มีการศึกษาฟอสซิลพบว่า ค้างคาวตัวแรกอาศัยอยู่ในบริเวณอเมริกาใต้ก่อนจะอพยพไปทั่วทั้งโลก ปัจจุบันเราจึงสามารถพบเจอพวกมันได้ทั่วไปยกเว้นเฉพาะทวีปแอนตาร์กติกาเท่านั้น

นอกจากนี้ ค้างคาวยังถูกจัดว่าเป็นสัตว์ฟันแทะอีกด้วย เพราะหากเราสังเกตให้ดีจะพบว่า ตัวของพวกมันนั้นมีความละม้ายคล้ายคลึงกับหนูเป็นอย่างมาก เพียงแต่มีปีกและบินได้ ตามลำตัวมีขนอ่อนนุ่มปกคลุม มีหูยาวทรงสามเหลี่ยมแหลม ๆ ตั้งขึ้น ดวงตากลมโตขนาดใหญ่ จมูกและปากยื่นยาวออกมา โดยในแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีรูปลักษณ์และขนาดที่แตกต่างกันออกไป

ค้างคาว

แม้ว่าค้างคาวจะเป็นสัตว์ที่ดูน่ากลัว แต่พวกมันก็ถือว่าเป็นมิตรแท้ของเกษตรกร เพราะช่วยควบคุมประชากรแมลงได้เป็นอย่างดี ใน 1 วัน สามารถกินแมลงได้เป็นจำนวนมาก และยังช่วยผสมเกสรดอกไม้ด้วยการดูดน้ำหวาน ถือว่าเป็นสัตว์อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างยิ่ง

ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยแล้วว่า สรุปแล้วอาหารของค้างคาวคืออะไรกันแน่ ซึ่งก็ต้องบอกว่า ในแต่ละสายพันธุ์นั้นก็มีอาหารการกินที่แตกต่างกันออกไป บางสายพันธุ์กินผลไม้ บางสายพันธุ์กินแมลง บางสายพันธุ์ดูดน้ำหวานจากดอกไม้ และบางสายพันธุ์สามารถกินเลือดได้ด้วย ขึ้นอยู่กับว่าวิถีชีวิตและวิวัฒนาการของพวกมันเป็นมายังไง

คลื่นเสียง Ultra Sonic คลื่นที่ช่วยค้างคาวให้ออกหากินในยามกลางคืน

ค้างคาว

ค้างคาวเป็นสัตว์กลางคืนที่ออกหาอาหารในยามราตรี แต่รู้หรือไม่ว่าพวกมันมีดวงตาที่ย่ำแย่สุด ๆ เวลาออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืน พวกมันจึงไม่ใช้ดวงตาในการนำทาง แต่ใช้ระบบเสียงสะท้อนด้วยการปล่อยคลื่นความถี่สูงอย่างเสียง Ultra Sonic เพื่อสร้าง Echolocation คลื่นเสียงจะไปกระทบกับวัตถุและส่งกลับมาเพื่อระบุตำแหน่ง ทำให้พวกมันสามารถรู้ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนโดยที่ไม่ต้องใช้ดวงตาเลยแม้แต่น้อย

ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงเป็นสัตว์กินเนื้อเพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์ ที่สามารถล่าได้อย่างยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องใช้ดวงตาในการมองหาเหยื่อเลยแม้แต่น้อย และเทคโนโลยีดังกล่าวยังถูกนำเอามาปรับใช้ในเรือดำน้ำของมนุษย์อีกด้วย โดยมีชื่อเรียกว่า Sonar เป็นการปล่อยคลื่นเสียงเพื่อตรวจจับวัตถุใต้น้ำด้วยหลักการทำงานคล้าย ๆ กัน นั่นเอง

รู้หรือไม่ บนโลกใบนี้มีค้างคาวดูดเลือดเพียง 1 ใน 3 ชนิดเท่านั้น

ค้างคาว

ค้างคาว เป็นสัตว์ที่ผูกพันกับความเชื่อของมนุษย์มาแทบจะทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะเรื่องแวมไพร์ แต่ทราบหรือไม่ว่า ความจริงแล้วมีเพียงแค่ 1 ใน 3 ชนิดเท่านั้นที่ดูดเลือดกินเป็นอาหาร และจัดเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการดูดเลือดของสัตว์ตัวอื่นที่ขนาดใหญ่โตกว่าเป็นอาหารหลัก โดยส่วนใหญ่จะพบกระจายอยู่ในทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง อาศัยอยู่ในป่าดิบเป็นหลัก

ลักษณะที่โดดเด่นของค้างคาวแวมไพร์เหล่านี้ก็คือ จะมีปากสั้น จมูกยื่นยาวแต่ไม่มีปีกจมูก ตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ ดูดเลือดสัตว์เลือดอุ่นที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าได้ถึง 10,000 เท่าเลยทีเดียว และยังสามารถดูดเลือดได้ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า เพราะฉะนั้นมนุษย์เองก็สามารถเป็นเหยื่อของพวกมันได้เช่นกัน โดยปกติแล้วพวกมันจะดูดเลือดเหยื่อที่นอนหลับอยู่เท่านั้น

วิธีการคือ ใช้ฟันที่แหลมคมราวกับมีดโกนกัดเหยื่ออย่างรวดเร็ว น้ำลายของพวกมันจะทำให้เลือดของเหยื่อไม่แข็งตัวในทันที ระหว่างที่ดูดเลือดไปด้วยก็จะถ่ายปัสสาวะไปด้วย เพราะหากกินในปริมาณที่มากเกินไปก็จะทำให้น้ำหนักตัวเยอะจนบินไม่ได้ นั่นเอง 

ถึงจะฟังดูเหมือนยุง เพราะพวกมันสร้างเพียงแค่ความเจ็บเล็กน้อยให้กับเราเท่านั้น แต่ความจริงแล้วพวกมันสามารถเป็นพาหะนำโรคพิษสุนัขบ้าได้ด้วย ส่วนที่ว่าพวกมันจะทำให้คุณกลายเป็นแวมไพร์นั้น ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของเหล่าสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment