หลายคนนั้นสนใจที่จะเลี้ยงนกซันคอนัวเนื่องจากมองว่าพวกเขาตัวเล็ก ดูแลง่าย แถมยังเสียงไม่ดังหากเทียบกับสุนัข แต่ในความเป็นจริงแล้วทราบหรือไม่ว่านกตัวเล็ก ๆ ที่เราเห็นนั้นสามารถแผดเสียงดังจนทำให้คนรอบข้างต้องรำคาญได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนเลี้ยงนกสายพันธุ์นี้เราจึงควรทำความรู้จักพวกเขาให้ดีเสียก่อน ว่าพวกเขานั้นเหมาะกับเรามากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ด้วยเหตุนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนไปดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรรู้ก่อนเลี้ยงนกสายพันธุ์ดังกล่าว
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับนกซันคอนัว นกสีสันสดใสสุดน่ารัก
ซันคอนัว เป็นหนึ่งในนกแก้วชนิดปากขอขนาดกลาง ที่เมื่อโตเต็มวัยแล้วพวกเขาจะมีความยาวนับจากหัวไปจนถึงหางอยู่ที่ประมาณ 30 เซนติเมตร น้ำหนักของพวกเขาจะอยู่ที่ประมาณ 120 กรัมเท่านั้น ถิ่นกำเนิดของพวกเขาอยู่บริเวณอเมริกากลางรวมไปถึงอเมริกาใต้ มักพบในป่าของกิอานารวมไปถึงบางส่วนในบราซิล ความหมายของชื่อพวกเขานั้นแปลว่าดวงอาทิตย์ขึ้น ซึ่งมีหลากหลายสีสันเช่นเดียวกับสีขนของพวกเขานั่นเอง
โดยเบื้องต้นแล้วพวกเขาจะมีนิสัยที่ซุกซน ขี้เล่น ตื่นตัว และอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา เราสามารถนำเอาพวกเขามาเลี้ยงฝึกให้เป็นนกแก้วเชื่อง ๆ ได้ด้วยการนำเอามาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก โดยไซส์ที่เหมาะสำหรับการนำเอามาเลี้ยงมากที่สุดก็คือไซส์ขนหนาม พวกเขาสามารถเข้าใจภาษาคนได้เป็นอย่างดี แต่ปัญหาก็คือ พวกเขาค่อนข้างที่จะร้องบ่อยแถมเสียงร้องก็ยังดังจนรบกวนคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ค่อยเหมาะสำหรับการเลี้ยงในเขตชุมชนหรือแม้แต่ในห้องพักสักเท่าไหร่
สำหรับอาหารของพวกเขานั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาโดยเริ่มต้นจากขนาดลูกป้อน นกแก้วขนาดดังกล่าวนั้นจะต้องให้อาหารสำหรับลูกนกโดยเฉพาะ มีหลากหลายสูตรหลากหลายแบรนด์ให้เราได้เลือกใช้ ส่วนใหญ่วิธีการจะใกล้เคียงกันนั่นก็คือ นำเอาน้ำไปอุ่นก่อนที่จะผสมอาหารให้เข้ากัน โดยมีความเหนียวข้นประมาณโจ๊ก อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการใช้ป้อนลูกนกแก้วมากที่สุดก็คือตั้งแต่ 35 ไปจนถึง 40.5 องศาเซลเซียส อาหารไม่ควรทิ้งไว้ให้เย็นจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้นกแก้วท้องอืดได้
เมื่อพวกเขาเริ่มมีขนขึ้นเต็มตัวเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะเปลี่ยนการรับประทานอาหารโดยมี 3 ประเภทหลักได้แก่ ผลไม้และผัก เมล็ดพืช และถั่ว เราต้องให้ในอัตราส่วนที่เท่ากันเป็นประจำอยู่ทุกวัน การให้พวกเขากินถั่วต้มสุกนั้น จะช่วยเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุได้เป็นอย่างดี ไม่ควรให้พวกเขากินแค่เมล็ดพืชเพียงอย่างเดียว เนื่องจากจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ สำหรับผักและผลไม้นั้นสามารถให้ได้หลายชนิดตั้งแต่แครอท กล้วย แอปเปิล ฝรั่ง หรือข้าวโพดสด นอกจากนี้เรายังสามารถเสริมอาหารสำหรับนกแก้วโดยเฉพาะอย่าง กระดองปลาหมึกหรือเปลือกหอยป่น เพื่อช่วยเพิ่มแคลเซียมได้อีกด้วย สำหรับขนาดตัวที่เหมาะสมของนกแก้วสายพันธุ์นี้ควรจะมีความยาวตั้งแต่ 120 เซนติเมตรขึ้นไป ส่วนความสูงและความกว้างนั้นควรอยู่ที่ประมาณ 70 เซนติเมตรขึ้นไป
พฤติกรรมแบบนี้ของนกซันคอนัวแปลว่าอะไรไปดูกัน
1.การเรียกร้องความสนใจ
ซันคอนัวเป็นนกแก้วที่ค่อนข้างติดมนุษย์เป็นอย่างมากและต้องการความสนใจอยู่แทบจะตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อเราตื่นนอนแล้วเราอาจจะพบพวกเขาพองขนหรือมีเสียงบ่นออกมาจากกรงก็เป็นได้
2.การอาบน้ำ
พวกเขาเป็นนกที่ชื่นชอบการอาบน้ำเป็นอย่างมาก ในตอนเช้าที่อากาศไม่หนาวเราควรอาบน้ำให้พวกเขาด้วยน้ำอุ่น เพื่อให้ขนของพวกเขาสามารถแห้งได้ทันก่อนเวลาเข้านอน
3.การขบฟัน
เรามักจะได้ยินเสียงขบฟันเป็นเสียงดังกึกๆ เวลาที่พวกเขาใกล้หลับ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้กับนกโดยทั่วไป
4.การแสดงกายกรรม
เวลาที่พวกเขาอยู่ในกรงที่เต็มไปด้วยของเล่น เราอาจจะเห็นพวกเขาโชว์กายกรรมเกาะคอนไม้แบบห้อยหัวบ้าง หรือทำท่าทางแปลกประหลาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพวกเขาที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนานและรู้สึกผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่น่ากังวลแต่อย่างใด
5.การเช็ดปาก
หลังจากรับประทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขามักจะบินไปเกาะที่คอนและเช็ดปากของพวกเขากับไม้คอนที่เกาะ หรือหากพวกเขาเกาะเราอยู่ก็อาจจะเช็ดปากกับเสื้อของพวกเราเช่นเดียวกัน
6.การกัด
ด้วยความที่พวกเขาเป็นนกปากขอขนาดกลาง ดังนั้นพวกเขาจึงจะกัดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียวและยังกัดทุกอย่างอีกด้วย เพราะเป็นนกที่อยากรู้อยากเห็น มันเป็นสัญชาตญาณของการอยู่ร่วมกันเป็นฝูงเพื่อทดสอบสิ่งรอบตัวของพวกเขา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาอยู่กับเรา เราก็สามารถสอนเขาเพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน
7.การพองขน
เป็นพฤติกรรมที่พวกเขามักจะทำเพื่อคลายเครียด แต่หากพวกเขามีอาการพองขนอยู่ตลอดเวลานั้นอาจเป็นสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่าพวกเขาป่วยอยู่ก็เป็นได้
8.การแผดเสียงกรีดร้อง
พวกเขานั้นเป็นนกที่สามารถร้องเสียงเบาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะร้องด้วยเสียงที่ดัง โดยเฉพาะเมื่อพวกเขารู้สึกว่าตนเองกำลังถูกทอดทิ้ง หรือคนเลี้ยงไม่มีเวลาให้พวกเขาเท่าที่ควร เนื่องจากพวกเขานั้นค่อนข้างขี้เหงาและติดเจ้าของเป็นอย่างมาก จึงเป็นหน้าที่ของคนเลี้ยงที่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาว่า คนในบ้านจะไม่ทิ้งพวกเขาไว้คนเดียวอย่างแน่นอน นอกจากนี้พวกเขายังอาจจะแผดเสียงกรีดร้องเมื่อรู้สึกหงุดหงิดหรือเหนื่อย รวมไปถึงเวลาที่เราเอาผ้ามาคลุมกรงของพวกเขา เพราะเหมือนเป็นการบังคับให้พวกเขาสงบและนอนเร็วขึ้น