ลำพังแค่เราใช้ชีวิตในเมืองก็มีโอกาสได้เจอกับนกมากมายหลากหลายสายพันธุ์ แต่ถ้าคุณเดินทางไปท่องเที่ยวธรรมชาติจะมีโอกาสได้เจอกับนกมากกว่าในเมืองอย่างแน่นอน โดยเฉพาะนกตีทอง นกตัวเล็กที่มาพร้อมกับสีสันสดใสและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์เหมือนกับช่างตีทองจนกลายมาเป็นที่มาของชื่อ พวกมันเป็นใครมาจากไหนและมีความน่าสนใจอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับนกสายพันธุ์นี้กัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับนกตีทอง นกที่มีสีสันสวยงามและเสียงร้องเหมือนช่างตีทอง
นกตีทอง หรือที่ถูกเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า นกโพระดก พวกมันจัดเป็นนกเล็กที่สุดในวงศาคณาญาติ ตามลำตัวปกคลุมไปด้วยขนสีเขียว ไล่ตั้งแต่เขียวแก่ไปจนถึงเขียวอ่อนสดใส บริเวณคอจะมีขนอยู่ 2 สี ด้านบนเป็นสีแดง ส่วนด้านล่างเป็นสีเหลือง บริเวณหน้าอกและท้องขนจะมีสีอ่อนกว่าลำตัว บริเวณขอบตาจะถูกปกคลุมด้วยขนสีเหลือง ครอบทับด้วยขนสีดำ และบริเวณจมูกไปจนถึงหน้าผากจะเป็นขนสีแดง
จากที่ได้กล่าวถึงลักษณะไปข้างต้น ทำให้นกตีทองเป็นที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนชอบดูนกไม่น้อย พวกมันจะมีเสียงร้องดังป๊อก ๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอกันคล้ายกับเสียงช่างเวลาตีทอง มันจึงกลายเป็นที่มาของชื่อเล่นพวกมันนั่นเอง แต่นกสายพันธุ์นี้ไม่ได้เอาจะงอยปากเจาะไม้เหมือนกับนกหัวขวานแต่อย่างใด พวกมันเพียงแค่ทำเสียงเหมือนกำลังเจาะไม้อยู่เท่านั้น
นกสายพันธุ์นี้จะเข้าไปทำรังอาศัยอยู่ในโพรงไม้ กินอาหารเป็นผักผลไม้ ส่วนใหญ่จะกินลูกไทรเป็นหลัก แต่บางครั้งก็สามารถเสริมโปรตีนด้วยการกินแมลงได้เช่นกัน โดยแมลงที่โปรดปรานคือ แมลงเม่าหรือปลวกนางพญาทั้งหลาย
สำหรับในประเทศไทย นกตีทองจัดว่าเป็นสัตว์คุ้มครอง เราจึงไม่สามารถล่า ทำการค้า ครอบครอง นำเข้าหรือส่งออก เก็บหรือทำอันตรายต่อรัง รวมไปถึงการเพาะพันธุ์ โดยการคุ้มครองจะครอบคลุมไปถึงไข่และซากของพวกมันด้วย
ศึกษาพฤติกรรมที่น่าสนใจของนกตีทอง
นกตีทองมีพฤติกรรมสัตว์ที่น่าสนใจมากกว่าแค่เสียงร้องที่คล้ายกับช่างกำลังตีทองอยู่เท่านั้น แต่พวกมันยังสามารถส่งเสียงร้องเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอกันได้มากถึง 121 ครั้งต่อนาทีเลยทีเดียว นอกจากนี้เวลาร้องยังไม่อ้าปากอีกด้วย แต่จะใช้วิธีการพองหนังบริเวณลำคอทั้งสองข้างแล้วยุบลงเพื่อให้เกิดเสียง และพวกมันยังไม่ร้องในช่วงฤดูหนาวอีกด้วย
นกตีทองเป็นสัตว์ที่จะอยู่ตัวเดียวหรืออยู่เป็นคู่ บางครั้งอาจพบเห็นเป็นฝูงขนาดเล็กบ้าง และฝูงเล็ก ๆ อาจรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่บริเวณต้นไทรที่ออกผลดก หากใครอยากเห็นพวกมันเราขอแนะนำให้เข้าป่าตอนเช้า ๆ เพราะพวกมันชอบตากแดดเช้าเป็นอย่างมาก โดยจะเกาะอยู่บนกิ่งต้นไม้สูงเพื่อรับแสงแดด
แม้ว่าจะตัวเล็ก แต่นกตีทองก็มีเลือดนักสู้เช่นกัน เพราะมีสัตว์ตามธรรมชาติมากมายที่อาศัยอยู่ในโพรงไม้เหมือนกัน พวกมันจึงมักจะต้องแย่งรังกับสัตว์กินผลไม้หรือนกสายพันธุ์อื่นอยู่เสมอ ใครโชคดีอาจมีโอกาสได้เห็นพวกมันตีกับนกปรอดเพื่อแย่งโพรงไม้ได้ด้วย
พฤติกรรมการจีบกันของนกสายพันธุ์นี้มีความน่ารักเป็นอย่างมาก เพราะพวกมันจะร้องเพลง เต้นรำด้วยการสะบัดหางและผงกหัว นอกจากนี้ยังมีการไซ้ขนให้กันหรือหาอาหารให้กันอีกด้วย พวกมันสามารถผสมพันธุ์กันได้ตลอดทั้งปี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงเดือนเมษายน หลังจากวางไข่แล้วพวกมันก็จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการฟักไข่ให้ออกมากลายเป็นลูกนก
ทำความรู้จักกับสายพันธุ์ย่อยของนกตีทอง และถิ่นที่อยู่ที่สามารถพบได้
นกตีทองเป็นสัตว์ป่าที่พบได้ทั่วไปในแถบทวีปเอเชียใต้ มักพบบริเวณเทือกเขาฆาฏตะวันตกในประเทศอินเดีย และยังสามารถพบได้ทั้งในประเทศปากีสถาน ศรีลังกา จีน ประเทศในแถบเอเชียอาคเนย์ไปจนถึงอินโดนีเซีย สำหรับประเทศไทยจะพบได้ในทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ทางตะวันตกเท่านั้น
ในแต่ละสายพันธุ์ย่อยก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วมักจะมีขนเป็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินคล้าย ๆ กัน โดยเราสามารถแบ่งนกตีทองออกเป็น 9 สายพันธุ์ย่อย ประกอบไปด้วย
- สายพันธุ์ต้นแบบ Haemacephala สามารถพบได้ในหมู่เกาะลูซอนรวมถึงมินโดโร ประเทศฟิลิปปินส์
- พันธุ์ย่อย Indica สามารถพบได้ในประเทศอินเดียตอนใต้ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศปากีสถาน ไปจนถึงประเทศศรีลังกา เวียดนาม และไทย
- พันธุ์ย่อย Delica สามารถพบได้ในเกาะสุมาตรา
- พันธุ์ย่อย Rosea สามารถพบได้ในเกาะชวา
- พันธุ์ย่อย Homochroa สามารถพบได้ในประเทศฟิลิปปินส์ บริเวณเกาะทาบลาส
- พันธุ์ย่อย Celestinoi สามารถพบได้ในประเทศฟิลิปปินส์ บริเวณเกาะซามาร์ เลย์เต บิลิรัน และคาตันดัวเนส
- พันธุ์ย่อย Intermedia สามารถพบได้ในประเทศฟิลิปปินส์ บริเวณเกาะปาไนย์ เนกรอส และกิวมาราส
- พันธุ์ย่อย Cebuensis สามารถพบได้ในประเทศฟิลิปปินส์ บริเวณเกาะเซบู
- พันธุ์ย่อย Mindanensis สามารถพบได้ในประเทศฟิลิปปินส์ บริเวณเกาะมินดาเนา
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของเหล่าสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me