กวางมูส พี่ใหญ่ภาพลักษณ์สุดใจดีที่เด็กๆ หลายคนชื่นชอบ 

by animalkingdom
468 views
กวางมูส

บนโลกใบนี้มีสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ แต่มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์ที่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับเด็ก ๆ และหนึ่งในนั้นก็คือ กวางมูส พวกเขาเป็นพี่ใหญ่ใจดีที่มีลักษณะท่าทางดูสุขุมนุ่มลึก มีขนาดตัวใหญ่โตและดูสง่างาม ไม่เพียงเท่านั้นเด็ก ๆ ยังรู้จักพวกเขาจากการที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ Animalkingdom จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น พวกเขาจะมีลักษณะเป็นอย่างไร และน่าสนใจแค่ไหน ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับกวางมูส สัตว์ที่หลายคนรู้จักในฐานะของสัญลักษณ์วันคริสต์มาส

กวางมูส

คุณเคยดูสารคดีเกี่ยวกับสัตว์กันมาบ้าง เราเชื่อว่าคุณจะต้องรู้จักกับ กวางมูส ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน หรืออย่างน้อย ๆ คุณก็ต้องเคยเห็นพวกเขามาก่อนเพราะพวกเขาคือหนึ่งในสัตว์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นเท่ากับกวางเรนเดียร์ ซึ่งเป็นสัตว์ลากเลื่อนของซานตาคลอส แต่แค่เราได้เห็นพวกเขา ก็สามารถสัมผัสได้ถึงอากาศหนาวที่กำลังมาเยือนแล้ว 

นั่นก็เป็นเพราะว่า พวกเขาอาศัยอยู่ตามป่าเขตหนาวรวมไปถึงเขตอบอุ่นบริเวณซีกโลกเหนือ กวางมูสมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดก็คือสายพันธุ์ “อลาสก้า” เราสามารถพบพวกเขาได้ทั่วไปตามบริเวณป่าไทกา ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ฝั่งยูเรเซียจะเรียกพวกเขาว่าเอลก์ สามารถพบได้ทั่วไปทั้งในเขตประเทศรัสเซีย เอสโตเนีย ลัตเวีย และแคนาดา 

กวางมูส

พวกเขาเป็นสัตว์ใหญ่ที่มักจะอยู่อย่างสันโดษไม่รวมฝูงกันแต่อย่างใด ประกอบกับเขาที่มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก ทำให้การเคลื่อนที่ของพวกเขาเป็นไปได้ค่อนข้างช้า ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมักจะตกเป็นเหยื่อของนักล่าอยู่เสมอ ทั้งนักล่าในธรรมชาติรวมไปถึงมนุษย์เราเองเช่นเดียวกัน 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากพวกเขาตกใจหรือโกรธ ก็สามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วเหมือนปลดล็อคความสามารถเสียอย่างนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงอยู่มาได้ถึงในปัจจุบันโดยที่ไม่สูญพันธุ์ไปเสียก่อน โดยปกติแล้วพวกเขามักจะผสมพันธุ์กันในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเราจะเห็นภาพพวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะตัวผู้ที่พยายามแย่งตัวเมีย เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงจนลบภาพสัตว์กินพืชสุดเชื่องช้าและเป็นมิตรไปจนหมดสิ้น 

ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่พวกเขานั้นจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นเพียงแค่ประมาณ 2 เดือนต่อปีเท่านั้น นั่นก็คือตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงตุลาคม ตัวผู้สามารถส่งเสียงร้องเรียกตัวเมียดังจนได้ยินไกลกว่า 500 เมตร เลยทีเดียว

กวางมูส

ถึงแม้ว่าจะเป็นกวางแต่ความจริงแล้วพวกเขามีขนถึง 2 ชั้น ขนชั้นแรกของพวกเขานั้นจะมีความยาวในระดับหนึ่ง เพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เนื่องจากอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อากาศค่อนข้างหนาวเย็น ขนชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นขนชั้นในนั้น จะเป็นขนอ่อนแถมยังเต็มไปด้วยอากาศมากมาย เนื่องจากมันทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน นอกจากนี้ขนชั้นที่ 2 ยังสามารถช่วยให้พวกเขาลอยตัวได้ดีขึ้นเวลาว่ายน้ำอีกด้วย 

โดยเฉลี่ยแล้วเมื่อโตเต็มวัยพวกเขาสามารถมีความสูงได้ถึง 2.1 เมตร สามารถมีน้ำหนักสูงสุดได้กว่า 700 กิโลกรัม สำหรับตัวผู้ ส่วนตัวเมียจะมีขนาดเล็กลงมาสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้เล็กหากเทียบกับมนุษย์อย่างเรา เพราะพวกเขามีน้ำหนักสูงสุดได้กว่า 490 กิโลกรัม ความยาววัดตั้งแต่หัวไปจนถึงหางจะอยู่ที่ประมาณ 3.1 เมตรเลยทีเดียว 

สำหรับสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดอย่างสายพันธุ์อลาสก้านั้น พวกเขาจะมีความสูงวัดจากพื้นถึงไหล่อยู่ที่ประมาณ 2.1 เมตร มีความยาวประมาณ 1.8 เมตร สำหรับตัวที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่เคยค้นพบตั้งแต่ในปีพ.ศ. 2440 มีน้ำหนักมากกว่า 820 กิโลกรัม และมีส่วนสูงกว่า 2.33 เมตร พวกเขาจึงจัดเป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ เป็นรองเพียงแค่วัวไบซันสายพันธุ์เดียวเท่านั้น 

ระยะเวลาในการตั้งครรภ์ของกวางมูสนั้นอยู่ที่ 8 เดือน และออกลูกได้ครั้งละ 1-2 ตัวในช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน ลูกกวางที่เกิดใหม่จะมีตัวสีแดงและเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น จะเริ่มมีสีขนเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนกับพ่อแม่ ลูกกวางจะอยู่กับแม่จนกว่าแม่จะมีลูกตัวใหม่จึงจะแยกออกจากฝูงไป โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาจะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 15-25 ปี 

กวางมูสสีขาว ความสวยงามของธรรมชาติที่จะทำให้คุณตกหลุมรัก 

กวางมูส

กวางมูส ปกตินั้นจะมีขนและเขาเป็นสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายครั้งที่มีการค้นพบสีเผือกหรือสีขาวด้วยเช่นกัน เป็นสัตว์หายากที่ไม่ได้พบเจอบ่อยสักเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นภาวะพันธุกรรมหายาก ทำให้ทั้งขนและเขาของพวกเขานั้นเป็นสีขาวตลอดทั้งลำตัว ยิ่งเข้ากับการเป็นสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัว และถึงแม้จะหายากแต่ความจริงแล้ว เราก็สามารถพบเห็นพวกเขาได้ในหลายประเทศเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นดินแดนอลาสก้า ประเทศสวีเดนหรือนอร์เวย์

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment