จิงโจ้ สัตว์ที่ถือได้ว่าเป็นขวัญใจของเด็กหลาย ๆ คน 

เมื่อเราพูดถึงประเทศออสเตรเลีย สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น สถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังอย่างเช่น ฮาเบอร์บริดจ์ โอเปร่าเฮาส์ หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่น ๆ ที่สวยงาม และเมื่อพูดถึงสัตว์ก็คงจะหนีไม่พ้น จิงโจ้ อย่างแน่นอน ใช่แล้วค่ะวันนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสัตว์ที่ถือได้ว่า เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศออสเตรเลีย 

พวกเขามีลักษณะภายนอกที่ดูน่ารัก โดยเฉพาะหากถูกวาดออกมาเป็นการ์ตูน แถมมีรูปแบบการเคลื่อนไหวด้วยการใช้การกระโดด ซึ่งแตกต่างจากสัตว์สายพันธุ์อื่นไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้พวกเขายังมีเรื่องราวน่ารู้อีกมากมายให้เราได้ค้นหา พวกเขาจะมีลักษณะเป็นอย่างไร จะมีความน่ารักโดดเด่นแค่ไหน ตามเราไปติดตามเรื่องราวของเจ้าจิงโจ้แสนน่ารักเหล่านี่ ไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับจิงโจ้ สัตว์ที่เป็นที่รู้จักจากการกระโดด

จิงโจ้ เป็นสัตว์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลก ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นก็คือ การเคลื่อนที่ด้วยการกระโดดนั่นเอง ความจริงแล้วพวกเขาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สายพันธุ์ประกอบไปด้วยสีแดงที่จะมีขนาดใหญ่มากที่สุดและสีเทา ซึ่งจะสามารถกระโดดได้สูงแถมยังวิ่งได้อย่างรวดเร็ว แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือสีแดงนั่นเอง 

ลักษณะทางกายภาพของพวกเขามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระเป๋าหน้าท้อง เมื่อโตเต็มวัยพวกเขาสามารถมีความสูงได้ถึง 140 เซนติเมตร มีหางยาวกว่า 1 เมตร และยังมีน้ำหนักได้มากกว่า 85 กิโลกรัมอีกด้วย 

พวกเขาสามารถมีอายุได้ยืนยาวกว่า 18 ปีเลยทีเดียว ส่วนใหญ่แล้วสามารถพบได้ในทวีปออสเตรเลีย มักอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าที่โล่งกว้างหรือทะเลทราย พวกเขาเป็นสัตว์กินพืชที่อาหารหลักประกอบไปด้วยหญ้า ใบไม้ และไม้พุ่มบางชนิด 

ส่วนใหญ่แล้วมักจะอาศัยอยู่รวมตัวกันเป็นฝูง ฝูงหนึ่งอาจมีจำนวนสมาชิกได้หลายสิบตัวเลยทีเดียว แต่ความน่าแปลกใจก็คือ พวกเขามักจะออกหากินในช่วงเวลากลางคืนมากกว่า และนอนพักในช่วงเวลากลางวัน หากจะย้อนอดีตสายพันธุ์ของพวกเขา ก็ต้องย้อนไปกว่า 1 ล้านปีที่แล้วเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีประวัติศาสตร์ยืนยาวไม่แพ้ใคร 

โดยทั่วไปแล้ว จิงโจ้ตัวผู้จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าตัวเมีย ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีขนเป็นสีน้ำตาลแดงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนตัวเมียถึงแม้ว่าจะเป็นสายพันธุ์สีแดงแต่ก็จะมีขนเป็นสีเทามากกว่า พวกเขามีขาหน้าที่ค่อนข้างเล็กและสั้นเอาไว้ใช้สำหรับการหยิบจับอาหาร เล่นหยอกล้อกัน หรือแม้แต่การต่อสู้กันก็ตาม 

ขาหลังของพวกเขาความจริงแล้วค่อนข้างยาว แต่เพราะมันถูกขดเป็นรูปตัว Z ทำให้ดูเหมือนขาสั้น แต่การออกแบบในลักษณะนี้ก็ช่วยให้พวกเขาสามารถกระโดดได้อย่างง่ายดายและยังใช้รับน้ำหนักได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย เนื่องจากมันเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงนั่นเอง 

พวกเขาสามารถกระโดดได้ไกลกว่า 2 เมตร แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถเดินถอยหลังได้แต่อย่างใด หางของพวกเขานั้นความจริงแล้วแข็งแรงและค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียวห่างเทียบกับขนาดตัว มันมีหน้าที่ในการรับน้ำหนักตัวเวลาที่พวกเขาพักผ่อนหรือกินอาหาร 

อีกหนึ่งประโยชน์ของห่างก็คือ เอาไว้ใช้ยันกับพื้นเวลาที่ต่อสู้ เนื่องจากพวกเขาจะใช้ขาหลังเป็นอวัยวะที่ใช้ถีบศัตรูและใช้ขาหน้าในการป้องกัน ดังนั้น หางจึงเปรียบเสมือนกับขาอีกข้าง ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถยันกับพื้นและทรงตัวได้นั่นเอง ลักษณะการต่อสู้ของพวกเขาหากดูแบบผิวเผินแล้ว แทบจะไม่แตกต่างอะไรจากการชกมวยเลยแม้แต่น้อย 

การขยายพันธุ์ของพวกเขานั้นจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาเติบโตจะมีอายุได้ประมาณ 2 ปี ใช้เวลาในการตั้งท้องเพียงแค่ 33 วันเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ออกลูกเพียงแค่ครั้งละ 1 ตัว ทารกแรกเกิดนั้นจะมีความยาวลำตัวไม่เกิน 4 เซนติเมตรเท่านั้นแถมยังมีน้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัมอีกด้วย 

หลังจากคลอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะคลานเข้าไปอยู่ในบริเวณถุงหน้าท้องของแม่ เพื่อหลบซ่อนจากศัตรูและกินนม พวกเขาจะอยู่ในนั้นเป็นระยะเวลานานจนอายุ 8 เดือน ถึงจะสามารถออกมาหากินข้างนอกกับแม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงจะกลับเข้าถุงหน้าท้องอยู่บ้างเป็นครั้งคราวเช่นเดียวกัน 

จิงโจ้ สัตว์ที่ภายนอกดูน่ารักแต่ความจริงแล้วเต็มไปด้วยอันตราย 

จิงโจ้ อาจเป็นสัตว์ที่ภายนอกดูน่ารัก แต่ความจริงแล้วพวกเขานั้นเป็นสัตว์ป่า ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังเป็นสัตว์ดุร้ายที่โจมตีมนุษย์อีกด้วย ผู้ที่ศึกษาพฤติกรรมเกี่ยวกับพวกเขานั้นพบว่า ถึงแม้ว่าการที่พวกเขาทำร้ายมนุษย์จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ควรระมัดระวังเวลาอยู่ใกล้กับพวกเขาเช่นเดียวกัน 

พวกเขามีฟันและเล็บที่แหลมคมเป็นอย่างมาก เมื่อเกิดการทำร้ายขึ้น มันก็จะเต็มไปด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะตัวผู้ที่โตเต็มวัยพวกเขานั้นจะถึงจุดที่ต้องการจะต่อสู้กับตัวผู้ตัวอื่น และมนุษย์ที่ยืนตรงก็ไม่ต่างอะไรจากการท้าทายให้พวกเขาเข้ามาต่อสู้แต่อย่างใด สำหรับพวกเขาแล้วมนุษย์ก็เหมือนกับพวกเขาอีกตัวหนึ่งเท่านั้น และถึงขั้นที่เคยมีผู้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ อันเนื่องมาจากถูกพวกเขาทำร้ายมาแล้วจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว