ชื่อของสัตว์บางสายพันธุ์นั้นก็ชวนสงสัยเสียเหลือเกิน จนทำให้ในบางครั้งเราก็เกิดความสับสนว่า มันคืออะไรกันแน่อย่างเช่น ฉลามวาฬ หรือสัตว์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้อย่าง หมีหมา ที่พอได้ยินชื่อมันก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า สรุปแล้วมันเป็นหมีหรือเป็นหมากันแน่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Animalkingdom อดใจไม่ได้ที่จะพาทุกคนออกพิสูจน์ความจริงไปพร้อม ๆ กันว่า จริง ๆ แล้วพวกมันคืออะไรและจะมีลักษณะเป็นอย่างไร น่าสนใจแค่ไหน ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
หมีหมา หมีที่มีขนาดตัวเล็กที่สุดในโลก
หากพูดถึงหมีหลายคนอาจจะนึกถึงสัตว์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ สามารถฆ่ามนุษย์ได้ด้วยมือเปล่า แต่ความจริงแล้วหมีหมาที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ พวกเขานั้นจัดเป็นหมีที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เมื่อยืน 2 ขา จะมีความสูงประมาณ 120 เซนติเมตรเท่านั้น หากเปรียบเทียบความสูงให้เห็นได้ชัดเจน ก็คงจะประมาณเด็กประถม ส่วนน้ำหนักก็จะอยู่ที่ประมาณ 65 กิโลกรัม
ความโดดเด่นของพวกเขาก็คือ จะมีขนสีดำสั้นเกรียนตลอดทั้งตัว บริเวณหน้าอกจะเป็นขนสีขาวครีมห้อยลงมาเป็นรูปตัว U เหมือนกับกำลังใส่สร้อยคออยู่ ในขณะที่บางตัวก็อาจจะมีลายแตกต่างกันออกไปอย่างเช่น มีขนสีขาววนรอบคอหรือเป็นขีดโค้งก็ได้เช่นเดียวกัน เท้าของพวกเขานั้นมีเล็บที่ยาวโค้งแถมยังแหลมคมอีกด้วย
พวกเขาสามารถมีเล็บยาวได้ถึง 6 นิ้วเลยทีเดียว แถมเขี้ยวก็ยังยาวกว่าหมีสายพันธุ์อื่นอีกต่างหาก เป็นการชดเชยที่พวกเขามีขนาดตัวที่เล็ก ดังนั้นธรรมชาติจึงใส่ความอันตรายมาให้พวกเขาแบบไม่ยั้ง ที่สำคัญลิ้นของพวกเขาก็ค่อนข้างยาวเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะดูภายนอกแล้วน่ารักน่าชังแต่พวกเขาก็จัดว่าเป็นสัตว์ที่อันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างหมีหมาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดย่อย ประกอบด้วย แบบที่พบในเกาะบอร์เนียวและแบบที่พบได้ทั้งบริเวณเกาะสุมาตรารวมไปถึงบนแผ่นดินใหญ่ เราจะสามารถพบเห็นพวกเขาได้ทั่วไปในบริเวณป่าฝนเขตร้อนทั้งในประเทศไทย จีนตอนใต้ ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ มาเลเซีย เวียดนาม และบังกลาเทศ
ถึงจะเป็นหมีแต่พวกเขาก็ปีนต้นไม้เก่งมาก และมักถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสัตว์กินเนื้อ เนื่องจากเป็นสัตว์นักล่า แต่จริง ๆ แล้วนั้นพวกเขากินได้ทั้งพืชและสัตว์ ตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็ก สัตว์เลื้อยคลาน นก หรือแม้แต่ผลไม้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะออกหากินในช่วงเวลากลางคืน ตอนกลางวันพวกเขาก็จะปีนขึ้นไปนอนหลับพักผ่อนบนต้นไม้
พวกเขามีประสาทรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก แต่สายตาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ลูกของพวกมันก็มีนิสัยซุกซนและขี้เล่น ในบางพื้นที่จึงนิยมจับพวกเขาไปเลี้ยง แต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากการเลี้ยงหายนะเอาไว้ข้างตัว เพราะเมื่อพวกเขาโตเต็มวัย พวกเขาจะมีความดุร้ายเป็นอย่างมาก ในประเทศไทยเราเองก็เคยมีรายงานว่า พวกเขาเข้ามาจู่โจมทำร้ายมนุษย์แบบไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้ามาก่อo
พวกเขาดุร้ายถึงขั้นที่เป็นสัตว์ไม่กี่ชนิดเท่านั้น ที่เสือโคร่งไม่อยากจะไปข้องแวะด้วยหากไม่จำเป็น และขนพวกเขานั้นก็สามารถปกป้องพวกเขาได้เป็นอย่างดี เพราะถึงมันจะสั้นแต่มันก็หนา แน่นและลื่นเป็นอย่างมาก เวลาถูกทำร้านจากศัตรูจึงทำให้สามารถตัวหลบหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้พวกเขายังไม่จำเป็นต้องจำศีลในช่วงฤดูหนาว และยังสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดเวลา ใช้เวลาในการตั้งท้องประมาณ 95 วัน ออกลูกครั้งหนึ่งประมาณ 1-2 ตัว พอลูกหมีโตขึ้นอายุประมาณ 3 เดือน ก็จะเริ่มวิ่งตามแม่ออกไปหากินได้ หลังจากนั้นก็จะหย่านมเมื่อมีอายุ 18 เดือน และออกหากินตามลำพังเองได้เมื่อมีอายุตั้งแต่ปีครึ่งขึ้นไป
ก่อนจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์หลังจากมีอายุประมาณ 3 ปีขึ้นไป อายุเฉลี่ยของพวกเขานั้นจะอยู่ที่ประมาณ 28 ปี นับว่าเป็นอายุที่ค่อนข้างยืนยาวไม่น้อยสำหรับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ ดังนั้นหากคุณได้บังเอิญพบเจอพวกเขาแล้ว ขอแนะนำว่าให้ทำตัวให้นิ่งที่สุดแล้วค่อย ๆ เดินถอยหลังออกมา ก็จะช่วยให้คุณปลอดภัยได้มากขึ้นกว่าเดิม
หมีหมา สัตว์ที่กำลังอยู่ในความเสี่ยงสูญพันธุ์
หมีหมา นั้นเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยจะมีศัตรูทางธรรมชาติสักเท่าไหร่ เพราะมีเพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้อย่างเช่น งูเหลือม หมีควาย เสือทั้งหลายอย่าง เสือดาว เสือลายเมฆ หรือเสือโคร่ง แต่ที่หน้าเจ็บปวดก็คือศัตรู ทางธรรมชาติที่ทำลายพวกเขามากที่สุดก็คือ มนุษย์ อย่างพวกเรานั่นเอง
มนุษย์เรานั้นคุกคามถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกเขาอย่างป่าไม้อย่างหนัก จนพวกเขาไม่มีที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีคนบางกลุ่มที่ล่าพวกเขา นำเอามาขายในตลาดยาจีนหรือตลาดมืดอีกด้วย มีความเชื่อว่าแทบจะทุกส่วนในร่างกายของพวกเขา สามารถนำเอามาต้มเป็นยาได้ โดยที่ยังไม่มีบทพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อย่างแน่ชัด ว่ามันได้ผลตามที่กล่าวอ้างจริง ๆ
บางพื้นที่ก็นิยมเลี้ยงลูกพวกเขา โดยวิธีการนำลูกมาเลี้ยงนั้นจะต้องฆ่าตัวแม่ก่อน เพื่อที่จะสามารถเอาลูกมาเลี้ยงได้ มันจึงไม่น่าแปลกใจที่สัตว์ป่าชนิดนี้ทาง IUCN ได้ประเมินสถานภาพให้อยู่ในระดับเสี่ยงสูญพันธุ์และถูกจัดให้อยู่ในบัญชีไซเตสหมายเลข 1 แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตเสี่ยงสูญพันธุ์ของพวกเขาได้อยู่ดี เพราะประเทศเกาหลีใต้และไต้หวันที่เป็นศูนย์กลางการบริโภคหมี ยังไม่เข้าร่วมกับสนธิสัญญาไซเตสแต่อย่างใด ส่วนประเทศไทยของเรานั้นเข้าร่วมสนธิสัญญาดังกล่าว ดังนั้น การเลี้ยงลูกพวกเขาหรือแม้แต่การค้าอวัยวะ จึงเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและไม่ควรทำโดยเด็ดขาด