หนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่มีลักษณะโดดเด่นมากที่สุดในโลกก็ต้องเป็นหมาไส้กรอกอย่างเจ้าดัชชุน พวกเขามาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากสุนัขสายพันธุ์อื่นอย่างสิ้นเชิง จากขาที่สั้น แต่ลำตัวยาว ทำให้พวกเขาดูเหมือนไส้กรอกมีขา สายหางดุ๊กดิ๊กได้ มันจึงไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไมพวกเขาจึงได้รับความนิยม เวลาที่ได้เห็น พวกมันเดินไปมาก็ทำให้เราอมยิ้มได้อยู่เสมอ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ พวกเขาไม่ใช่สุนัขที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านตั้งแต่ต้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่า เจ้าเพื่อนซี้สี่ขาที่น่ารักสายพันธุ์นี้ มีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดประวัติความเป็นมาของดัชชุน สุนัขพันธุ์เล็ก ที่กล้าหาญเกินตัว
ดัชชุนในยุคนี้อาจเป็นสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักประจำบ้าน แต่พวกเขาได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากด็อกซี่ สุนัขแบดเจอร์ที่มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศเยอรมนี ค้นพบในช่วงก่อนคริสตัลศตวรรษที่ 15 หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาเพื่อใช้ในการล่าสัตว์โดยเฉพาะ
ในช่วงเวลานั้นพวกเขาจึงเป็นสุนัขที่มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ สามารถมีน้ำหนักได้ตั้งแต่ 10 ปอนด์ ไปจนถึง 20 ปอนด์เลยทีเดียว นายพรานสามารถใช้พวกมันล่าสัตว์ได้ทุกสายพันธุ์ที่อยู่ในป่า ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายขนาดเล็กหรือหมูป่าตัวใหญ่ก็ไม่หวั่น
พวกมันขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการล่าสัตว์เป็นอย่างมาก แถมยังมีการเคลื่อนที่ที่ทั้งคล่องแคล่วและว่องไวอีกด้วย ทำให้ดัชชุนได้รับพัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับการล่าสัตว์มากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ไปจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19
แต่เมื่อเข้าสู่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ดัชชุน ก็เริ่มได้รับความนิยมในฐานะสุนัขเลี้ยงในบ้าน เนื่องจากเหล่าบรรดาราชวงศ์ชื่นชอบพวกมันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพระราชินีวิคตอเรียที่ทรงโปรดสุนัขสายพันธุ์นี้เป็นพิเศษ
นักพัฒนาสายพันธุ์ทั้งหลายจึงพยายามดัดแปลงสายพันธุ์พวกมันให้มีขนาดตัวเล็กลง มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 10 ปอนด์ มีความเป็นมิตรและขี้เล่นมากขึ้น จากนั้นก็ได้นำเข้าสู่ประเทศอเมริกา และได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
รูปลักษณ์ของดัชชุนตามมาตรฐานสายพันธุ์
ดัชชุน สามารถแบ่งออกได้ 3 ขนาด มีตั้งแต่ขนาดมาตรฐาน ขนาดเล็ก และไซส์จิ๋ว มีขนทั้งหมด 3 แบบ ทั้งขนสั้น ขนยาว และแบบขนตั้งเหยียดตรง สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับสุนัขสายพันธุ์นี้ก็คือ การที่มีขาสั้น แต่ลำตัวยาว ใบหน้าส่วนจมูกและปากจะยื่นยาวออกมามากกว่าสุนัขจิ้งจอกเสียอีก
ใบหูของพวกมันมีขนาดใหญ่มาในรูปทรงใบพายกลม ๆ ห้อยตกลงมาที่ข้างแก้ม อุ้งเท้ามีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับสัดส่วนลำตัวเพื่อใช้ในการขุดดิน ผิวหนังมีความยืดหยุ่นสูง และมีช่องอกลึก
โดยปกติแล้วดัชชุนจะมีสีขนอยู่ด้วยกัน 2 สี ได้แก่สีดำและสีน้ำตาลช็อกโกแลต แต่ก็ยังสามารถพบสีอื่น ๆ ได้เช่นกัน อย่างเช่น มีรอยจุด มีสีเปื้อนเป็นแถบ ๆ สีน้ำตาลทอง สีครีม เพียงแต่ว่า สีเหล่านี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม เราจึงไม่ค่อยพบเจอสุนัขสายพันธุ์นี้ที่ไม่ใช่สีน้ำตาลหรือสีดำ
ลักษณะนิสัยของดัชชุน
เนื่องจากดัชชุนเคยเป็นสุนัขล่าสัตว์มาก่อน เราเลยต้องทำความเข้าใจวิธีเลี้ยงสัตว์จากนิสัยพื้นฐานของพวกมัน ถึงจะเป็นหมาพันธุ์เล็กแต่ก็มีความมั่นใจสูงมาก บางครั้งเลยออกอาการดื้อและไม่เชื่อฟังคำสั่ง ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็รักและภักดีต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก
สามารถฝึกให้มีระเบียบวินัยและมีความอ่อนน้อมได้ แต่ถ้าหากไม่ฝึกและไม่ได้ดูแลเอาใจใส่อย่างเพียงพอ พวกเขาก็อาจจะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวได้เหมือนกัน เพราะพวกเขาเป็นสุนัขที่ชื่นชอบการท้าทายเจ้าของเป็นปกติอยู่แล้ว
สำหรับใครที่คิดจะเลี้ยงดัชชุนร่วมกับเด็กหรือสัตว์ตัวเล็ก ๆ สายพันธุ์อื่น ขอบอกเลยว่าให้หยุดความคิดนั้นไปก่อน เนื่องจากพวกมันเคยเป็นสุนัขล่าสัตว์มาก่อน พวกมันจะทำอันตรายต่อสัตว์ตัวเล็ก ๆ ตัวอื่นภายในบ้านของคุณอย่างแน่นอน
สำหรับเด็ก หากเป็นสุนัขตัวเมียพวกเขาจะเข้ากับเด็กไม่ค่อยได้ การฝึกให้เข้ากันก็ทำได้ยาก ในขณะที่ตัวผู้ถึงจะค่อนข้างอ่อนโยนและเป็นมิตร แต่ก็พังของในบ้านมากกว่าตัวเมียเช่นกัน
เลี้ยงดัชชุนอย่างไรให้มีความสุข เปิดคู่มือสำหรับมือใหม่
ถึงแม้ว่าดัชชุนจะเป็นสุนัขตัวเล็กกะทัดรัด แต่เราก็ยังคงต้องพาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน พวกมันควรได้วิ่งประมาณ 2.5 ไมล์ เป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นการรีดพลังออกให้หมด ช่วยให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายและสบายตัว
ถ้าหากมีสนามหญ้าก็สามารถปล่อยให้พวกเขาวิ่งเล่นได้เช่นกัน แล้วพวกมันจะกลายเป็นสุนัขที่ร่าเริงแจ่มใส ใครอยากฝึกก็สามารถฝึกได้ หรือจะชวนทำกิจกรรมการเรียนรู้ก็ได้เช่นกัน
นอกจากการออกกำลังกายจะมีความสำคัญกับดัชชุนแล้ว การดูแลในส่วนของอาหารก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะพวกมันมีโอกาสที่จะน้ำหนักเกินได้ง่าย อาหารที่แนะนำคืออาหารเม็ดสุนัขคุณภาพดี ในประมาณ 0.5 ถ้วยไปจนถึง 1.5 ถ้วยต่อวัน แล้วแต่น้ำหนักตัว แบ่งให้วันละ 2 มื้อ เช้าและเย็น
พยายามเน้นโปรตีนเป็นหลักและควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้น้อย ใครอยากให้ขนสวยอาจต้องดูส่วนผสมพวกกรดอะมิโนจากปลา ก็จะสามารถบำรุงขนของพวกเขาให้ดูสวยเงางามได้อยู่เสมอ
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ปีกป่น แป้ง และธัญพืชที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เพียงเท่านี้พวกเขาก็จะสุขภาพดีและไม่น้ำหนักเกินแล้ว
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของเหล่าสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me