พุดเดิ้ล เป็นสุนัขขนหยิกสี่ขาที่ขึ้นชื่อเรื่องความฉลาด ร่าเริง อัตราการผลัดขนค่อนข้างต่ำ เหมาะกับคนรักสัตว์ทุกเพศทุกวัย ด้วยความน่ารัก ขี้อ้อน และความสามารถรอบด้าน จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมพวกเขาถึงกลายมาเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขยอดนิยมที่ครองใจคนทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่องความฉลาด บอกเลยว่าพวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นสุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับพุดเดิ้ล มากกว่าสุนัขขนฟู เพื่อนรักที่พร้อมอยู่เคียงข้างคุณ
พุดเดิ้ล เป็นสุนัขหน้าตาน่ารักที่คนเลี้ยงหมาหลายคนเคยผ่านการเลี้ยงพวกเขามาแล้ว ด้วยรูปร่างลักษณะทำให้บางคนเข้าใจผิด คิดว่าพวกเขามีต้นกำเนิดมาจากทวีปยุโรปหรือในเขตเมืองหนาว แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาถือกำเนิดในทวีปเอเชีย
ก่อนที่ในอีกหลายทศวรรษต่อมา พวกเขาก็ได้ย้ายรกรากมาอยู่ในประเทศเยอรมนี จนกระทั่งเข้าสู่ศตวรรษที่ 15 ก็กลายมาเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมในฝรั่งเศส ถูกเลี้ยงด้วยคนหลายชนชั้น ตั้งแต่ชนชั้นแรงงานไปจนถึงราชวงศ์และชนชั้นสูง
เดิมทีพุดเดิ้ลเป็นสุนัขที่มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ เทียบเท่ากับสุนัขสายพันธุ์ใหญ่อย่างโกลเดน รีทรีฟเวอร์ บางตัวอาจมีน้ำหนักมากกว่า 30 กิโลกรัม เพราะในอดีตพวกเขาได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาเพื่อเป็นสุนัขล่าสัตว์ โดยเฉพาะการล่าเป็ดเป็นหลัก ทำให้พวกมันมีความแข็งแรง ว่องไว และฉลาดหลักแหลม
ในเวลาต่อมา พุดเดิ้ลได้รับการฝึกฝนและได้รับความนิยมในฐานะนักแสดงในละครสัตว์มากขึ้น จนกระทั่งในปัจจุบันก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนคู่ใจของหลายครอบครัว แต่พวกเขาก็ยังคงสัญชาตญาณเดิมของการเป็นสัตว์นักล่าเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมเช่นกัน
เอกลักษณ์ของสุนัขสายพันธุ์นี้ก็คือขนที่หนาและหยิกเป็นลอน แต่ทั้งนี้คนเป็นภูมิแพ้ก็สามารถเลี้ยงได้ เพราะไม่ผลัดขนหากเราดูแลเป็นประจำ ส่วนใหญ่แล้วในหนึ่งตัวมักจะมีขนสีเดียว สำหรับการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์มักได้รับอนุญาตเฉพาะสีทึบเท่านั้น แต่สามารถพบเจอได้หลายสีสัน ทั้งสีขาว สีดำ สีน้ำตาล หรือสีเทา
เปิดความแตกต่างของพุดเดิ้ลแต่ละสายพันธุ์ย่อย
พุดเดิ้ลเป็นสัตว์เลี้ยงที่หลายคนมีภาพจำว่า พวกเขามีขนาดตัวที่เล็ก กะทัดรัด พกพาง่าย บางทีซื้อจากอินเตอร์เน็ตประเมินขนาดจากรูปภาพไม่ถูก เมื่อซื้อมาแล้วได้สุนัขที่ขนาดตัวใหญ่เท่าสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ก็เคยมีให้เห็น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสายพันธุ์ผสมหรือพันธุ์ปลอม แต่ความจริงแล้วพวกเขาก็เป็นสายพันธุ์แท้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าพวกเขามีหลายขนาด และแต่ละขนาดก็มีความแตกต่างกันอย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว ดังนี้
- สแตนดาร์ด ขนาดใหญ่ สูง 45 ถึง 60 เซนติเมตร น้ำหนัก 20 ถึง 30 กิโลกรัม เหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่กว้างขวาง
- มินิเจอร์ ขนาดกลาง สูง 38 ถึง 45 เซนติเมตร น้ำหนัก 7 ถึง 15 กิโลกรัม เหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด
- ทอย ขนาดเล็ก สูง 24 ถึง 28 เซนติเมตร น้ำหนัก 4 ถึง 6 กิโลกรัม เหมาะกับผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดหรืออพาร์ทเมนท์
ลักษณะนิสัยของพุดเดิ้ล
ถึงแม้ว่าพุดเดิ้ลจะดูเหมือนเป็นสุนัขที่มีเลี้ยงไม่ยาก แถมยังมีหลายขนาดให้เราสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่เลี้ยง ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่แนะนำให้ทุกคนเลี้ยงพวกเขาในคอนโด ห้องพัก หรืออพาร์ทเมนท์อยู่ดี เพราะพวกเขาฉลาดและเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์
เพราะสิ่งที่จะต้องพบเจอก็คือ เสี่ยงเห่า พวกมันเห่าด้วยเสียงที่เล็ก แหลม แบบไม่หยุดติดต่อกันได้อย่างยาวนาน จนสามารถทำให้เจ้าของหงุดหงิดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีปัญหากับเพื่อนบ้านด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากคุณต้องการเลี้ยงจริง ๆ ก็ต้องหาวิธีการฝึกให้พวกเขาหยุดเห่าเมื่อเราห้าม หรือเห่าด้วยเสียงที่เบาลงและต้องไม่เห่าต่อเนื่อง
พวกมันเป็นสุนัขที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แต่ก็มีความรักมอบให้กับทุกคนที่ใกล้ชิดสนิทสนม พุดเดิ้ลมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสุนัขที่เย่อหยิ่งและไม่ชอบคนแปลกหน้า แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะในบางตัวมีความเป็นมิตรกับมนุษย์เป็นอย่างมาก
สิ่งที่ต้องระวังคือ พวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยทั้งหลายที่ไม่ควรเลี้ยงรวมกัน เพราะมีโอกาสที่พวกเขาจะทำร้ายสัตว์ตัวเล็กเหล่านั้นได้เช่นกัน
พุดเดิ้ลไม่ใช่สุนัขที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว บางครั้งเราอาจเห็นพวกเขาเห่าเกินความจำเป็นหรือขู่ไปเรื่อย แต่ความจริงแล้วมันเกิดความเป็นผู้พิทักษ์ที่อยู่ในตัวของพวกเขา ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาสายพันธุ์ให้สามารถเฝ้าบ้านได้ สิ่งที่เราต้องดูแลเอาใจใส่จึงเป็นการฝึกฝนให้พวกเขาเรียนรู้การเข้าสังคมนั่นเอง
รวมเคล็ดลับดูแลพุดเดิ้ล ให้ขนสวย สุขภาพดี ร่าเริง
พวกมันมีวิธีการดูแลที่ง่ายมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดด้วยเช่นกัน หากเป็นสุนัขตัวใหญ่สายพันธุ์สแตนดาร์ด จะต้องการการออกกำลังกายค่อนข้างสูง เพราะในอดีตเคยวิ่งล่าเป็ดวันละหลายกิโลเมตร เราต้องมีเวลาพาพวกเขาออกไปวิ่งเล่นเพื่อกำจัดพลังงานและสร้างความผ่อนคลาย
แต่สำหรับพุดเดิ้ลสายพันธุ์ที่ตัวเล็กลงมา เราสามารถพาพวกเขาไปเดินเล่นรอบหมู่บ้านได้ หรือหากมีพื้นที่มากพอจะปล่อยให้พวกเขาวิ่งเองก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้พวกเขายังมีความสามารถในการว่ายน้ำที่ดีและชื่นชอบเป็นอย่างมากอีกด้วย
สำหรับอาหาร หากเป็นสายพันธุ์ใหญ่ควรได้รับอาหารประมาณ 2 ถึง 3 ถ้วยตวงต่อวัน หากขนาดปานกลาง ควรได้รับอาหารประมาณ 1 ถึง 2 ถ้วยตวงต่อวัน หากเป็นพันธุ์เล็กควรให้ประมาณครึ่งถ้วยตวงถึง 1 ถ้วยตวงต่อวัน แบ่งอาหารของพวกเขาออกเป็น 2 มื้อ เช้าและเย็น
สารอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายควรเน้นไปที่โปรตีนเป็นหลักเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ มีสารอาหารอย่างวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน แต่ไม่ควรมีคาร์โบไฮเดรตหรือส่วนผสมของแป้ง ข้าวโพด ข้าวเจ้า ข้าวสาลี เพราะนอกจากจะทำให้พวกเขาน้ำหนักเกินแล้ว สุนัขบางตัวยังแพ้อาหารเหล่านี้อีกด้วย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของเหล่าสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me