ในปัจจุบันมีสุนัขหลากหลายสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม แต่มีอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างสักเท่าไหร่นั่นก็คือ “หมาปักกิ่ง” นั่นเอง ทั้งที่ในความจริงแล้วพวกเขานั้นเคยเป็นสุนัขที่สามารถเลี้ยงได้เฉพาะในพระราชสำนักเท่านั้น คนธรรมดาทั่วไปไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้เชยชมพวกเขาด้วยซ้ำไป แต่ในปัจจุบันพวกเขาได้กลายมาเป็นสุนัขประจำบ้านของใครหลาย ๆ ครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับใครที่สนใจ Animalkingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับหมาปักกิ่ง สุนัขพันธุ์เล็กสุดน่ารักจากประเทศจีน
หมาปักกิ่ง เป็นสัตว์เลี้ยงที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนรู้จักมันก็ตาม มันเป็นสุนัขสายพันธุ์ทอยที่มีขนาดเล็ก มีความเชื่อว่าลักษณะของพวกเขานั้นคล้ายกับสิงโตจีน และชื่อนั้นก็มีความสัมพันธ์กับเมืองหลวงในประเทศจีนอีกด้วย เนื่องจากที่มาของพวกเขานั้นอยู่ในประเทศจีน ในอดีตการจะเลี้ยงพวกเขานั้นจะต้องอยู่ในราชสำนักต้องห้ามเท่านั้น คนธรรมดาสามัญไม่สามารถเลี้ยงพวกเขาได้แต่อย่างใด ทำให้พวกเขามีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานมากกว่า 2,000 ปีเลยทีเดียว
เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์ด้วยการผสมพันธุ์ระหว่างสุนัขพันธุ์ชิสุและลาซา แอพโซ กว่าที่พวกเขานั้นจะเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลกก็ต้องรอจนถึงในปี 1906 ที่มีการนำเอามาเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาและได้มีการจดทะเบียนสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงชนิดนี้เอาไว้ สายพันธุ์ดั้งเดิมของพวกเขานั้นได้รับความนิยมในการนำเอามาประกวดเป็นอย่างมากเนื่องจากมีขนที่ยาวสวยปกคลุมทั่วทั้งตัว มีกะโหลกที่หนาและแบน ทำให้หน้าของพวกเขานั้นเหมือนกับตุ๊กตาสุนัขเลยทีเดียว ลำตัวมีกล้ามเนื้อที่หนาและมีความแข็งแรง ขาหน้ากระดูกจะทั้งใหญ่และหนามากกว่าขาหลังเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความแข็งแรงและได้สัดส่วนไปตลอดทั้งตัวเช่นเดียวกัน พวกเขาอาจมีการเดินที่ดูสะเปะสะปะไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ความผิดปกติของสายพันธุ์แต่อย่างใด ดังนั้นเวลาที่เราพาพวกเขาไปออกกำลังกาย ก็จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิม
พวกเขาเป็นสุนัขที่มีขนปกคลุมถึง 2 ชั้น โดยปกติแล้วสัตว์เลี้ยงชนิดนี้จะไม่ค่อยนิยมเล็มขนแต่อย่างใด สีที่สามารถพบได้ทั่วไปจะประกอบไปด้วยสีแดง สีทอง สีทองสว่าง สีน้ำตาลเข้ม สีครีม สีขาว สีดำ สีดำปนน้ำตาล สีเทาปนฟ้าอ่อน และสีฟ้า หากเราดูแลสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์นี้ให้ดีจนมีร่างกายแข็งแรง พวกเขาก็จะมีอายุยืนยาวได้สูงสุดกว่า 15 ปีหรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว ในส่วนของลักษณะนิสัยนั้นพวกเขาเป็นสุนัขที่ทั้งเป็นมิตร ขี้เล่น และรักสนุกเป็นอย่างมาก สามารถเข้ากันได้ดีกับสุนัขด้วยกันรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว แต่ต้องการจะเพิ่มสมาชิกเข้าไป แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญก็คือ เราจะต้องฝึกฝนพวกเขาให้เข้าสังคมตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยหรือมีปัญหา ก็จะเห่าด้วยเสียงอันดังมากกว่าสุนัขขนาดใหญ่บางตัวเสียอีก
ในขณะเดียวกันเองพวกเขาก็มีความหยิ่งและถือตัวไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่อดีต เพราะพวกเขาถูกเลี้ยงอยู่ในพระราชวัง เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาโกรธพวกเขาจะไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อย ไม่เว้นแม้กระทั่งสุนัขด้วยกันก็ตาม สำหรับใครที่มีลูกเล็กหรือมีเด็กในบ้านก็ไม่ต้องกังวล เพราะพวกเขาสามารถเข้ากับเด็กได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่เราจะต้องสอนเด็กของเราให้เล่นกับสุนัขแบบเบา ๆ เพราะพวกเขาเป็นสุนัขที่มีขนาดตัวเล็ก อาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้หากเล่นแรง นอกจากนี้พวกเขายังมีพลังงานต่ำ เล่นไปสักพักก็จะรู้สึกเหนื่อยและหลับไป จึงไม่ค่อยนิยมนำเอาพวกเขามาเล่นกับเด็กสักเท่าไหร่ นั่นเอง
การดูแลหมาปักกิ่งให้แข็งแรงทำอย่างไรไปดูกัน
หมาปักกิ่ง เป็นสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์เล็กสุดน่ารัก แต่ก็ตามมาพร้อมกับการดูแลที่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษเช่นเดียวกัน พวกเขานั้นมีพลังงานต่ำเป็นอย่างมาก ถึงจะขี้เล่นแต่ก็เหนื่อยง่ายเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถทนได้ต่อสภาพอากาศที่มีความร้อนหรือชื้นสูง จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพาพวกเขาไปออกกำลังกายอย่างหนักอย่างเช่นการวิ่งเล่นแต่อย่างใด เพียงแค่พาพวกเขาเดินในระยะทางสั้นๆ เป็นประจำทุกวันอย่างเช่นเดินรอบบ้านหรือปล่อยให้พวกเขาเล่นกับสุนัขตัวอื่น ก็เพียงพอที่จะช่วยพวกเขามีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว และเราต้องระวังเมื่อพวกเขาหอบหรือหมดแรงควรให้พวกเขาได้พักในทันที
สำหรับอาหารนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องควบคุมแต่อย่างใด หากเราต้องการให้พวกเขามีขนที่สวยและแข็งแรงพร้อมทั้งยาวมากขึ้น ก็ต้องให้อาหารสำหรับสุนัขโดยเฉพาะที่มีคุณภาพและมีปริมาณที่พอดีกับขนาดตัว โดยใน 1 วันควรได้รับอาหารประมาณ 2 ส่วน 3 ถ้วย โดยแบ่งเป็น 2 มื้อ วิธีการให้อาหารที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ การให้อาหารเม็ดสูตรสุนัขสายพันธุ์เล็ก โดยต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของข้าวโพด ถั่วเหลือง และเมล็ดข้าวสาลี เนื่องจากเป็นอาหารที่ย่อยยากสำหรับพวกเขาและสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้