“สุนัข” นั้นเป็นเพื่อนที่ภักดีจนทำให้หลายคนหลงเสน่ห์พวกเขา แต่ในช่วงฤดูร้อนเป็นฤดูที่ไม่ถูกโฉลกกับพวกเขาสักเท่าไหร่ เพราะมีโรคของสุนัขมากมาย ที่พร้อมจะทำให้เพื่อนแสนรักของคุณมีอาการป่วยในช่วงนี้ ถึงตอนนี้เดือนกุมภาพันธ์จะเพิ่งผ่านพ้นไป แต่เชื่อว่าในไม่ช้าประเทศไทยของเราจะมีอากาศร้อนขึ้นทันตาเห็นอย่างแน่นอน ดังนั้นวันนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนมาเตรียมตัวรับมือและหาวิธีป้องกัน อาการเจ็บป่วยของสุนัขในช่วงฤดูร้อนกันว่า มีอะไรที่เราจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษบ้าง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รวมโรคของสุนัขที่ต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อน
ลมแดดหรือฮีทสโตรก
นับว่าเป็นโรคของสุนัขยอดฮิตในช่วงฤดูร้อนกันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าชื่อของมันจะฟังดูไม่อันตรายและเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปแม้กระทั่งกับในมนุษย์เองก็ตาม แต่ความเป็นจริงแล้วมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากที่ต้องจากโลกใบนี้ไปด้วยสาเหตุดังกล่าว ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่สุนัขของเรา อยู่ในบริเวณที่มีอากาศร้อนสะสมและอากาศไม่สามารถถ่ายเทได้อย่างสะดวก อย่างเช่น การออกกำลังกายอย่างหนักหรือการถูกขังเอาไว้ในรถยนต์ ขังเอาไว้ในบ้านโดยที่ไม่เปิดหน้าต่างหรือพัดลมช่วยระบายอากาศ หรือหากเป็นสุนัขที่พื้นเพมาจากเมืองหนาวอย่างเช่นไซบีเรีย ฮัสกี้ เราอาจจะต้องถึงขั้นเปิดเครื่องปรับอากาศให้กับพวกเขากันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังสุนัขในสายพันธุ์หน้าสั้น หรือที่มีอาการป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ กล่องเสียงอัมพาต และน้ำหนักเกิน เพราะพวกเขาจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก ได้มากกว่าสุนัขธรรมดาทั่วไป
อาหารเป็นพิษ
เป็นอาการเจ็บป่วยที่มักเกิดขึ้นทั้งในสัตว์เลี้ยงและมนุษย์ในช่วงฤดูร้อน เพราะมันเป็นฤดูกาลที่อาหารเสียได้อย่างง่ายดาย ด้วยอากาศที่ร้อนทำให้อาหารที่ควรจะสดและสะอาด กลับถูกจุลินทรีย์เข้าโจมตี และหากเพื่อนรู้ใจของเราเผลอเข้าไปกิน ก็อาจจะทำให้พวกเขาป่วยจนมีอาการท้องร่วงได้เช่นเดียวกัน อาการอาหารเป็นพิษนั้นอาจส่งผลให้พวกเขามีความอ่อนเพลีย รู้สึกปวดท้อง เซื่องซึมไม่ร่าเริง และยังอาจตามมาด้วยภาวะขาดน้ำอีกด้วย
ภูมิแพ้
ในสัตว์เลี้ยงเองก็สามารถเป็นภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกัน โดยในช่วงฤดูร้อนนั้น เราอาจจะต้องระมัดระวังอาการภูมิแพ้ ที่เกิดมาจากการสูดดมสารก่อภูมิแพ้เข้าไปไม่ว่าจะเป็นไรฝุ่น ละอองเกสร หรือแม้แต่ฝุ่น PM 2.5 เองก็ตาม วิธีการสังเกตว่าพวกเขามีอาการแพ้หรือไม่คือ ให้ดูบริเวณอุ้งเท้า รอบริมฝีปาก รอบดวงตา บริเวณใต้คาง หน้าท้อง รักแร้ และใบหูว่ามีอาการคันหรือไม่ นอกจากนี้เรายังอาจจะเห็นว่า พวกเขามีผิวหนังแห้งจนตกสะเก็ดก็ได้เช่นเดียวกัน มันฟังดูเป็นอาการที่ไม่รุนแรงแต่หากไม่ได้รับการรักษา ก็อาจจะทำให้เกิดอาการติดเชื้อแทรกซ้อนตามมาได้
ภาวะขาดน้ำ
น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยง ยิ่งในช่วงฤดูร้อนที่ร่างกายของพวกเขาจะมีอุณหภูมิสูงมากกว่าปกติจนต้องระบายความร้อนออกมาผ่านการหายใจและการหอบ ทำให้บางตัวอาจมีพฤติกรรมการกินน้ำน้อยลง จนกลายเป็นภาวะขาดน้ำตามมา ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถสังเกตได้ จากการที่พวกเขามีจมูกแห้ง เหงือกแห้ง ผิวหนังไม่ยืดหยุ่น เบ้าตาลึก กล้ามเนื้ออ่อนแรง หากรุนแรงก็อาจจะมีอาการเกี่ยวกับระบบประสาทไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
ผิวไวต่อแสง
สำหรับใครที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้นอกบ้าน หรือพาพวกเขาออกไปเที่ยวข้างนอกอยู่เป็นประจำ อาจจะต้องระมัดระวังสักเล็กน้อยกับปฏิกิริยาที่ผิวหนังของพวกเขา ที่จะมีความไวต่อรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่พวกเขาได้รับสารเคมีหรือยาบางตัว ทำให้พวกเขานั้นมีผิวไวต่อแสงแดดโดยผิวจะเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจะมีอาการบวมแดงจากการอักเสบตามมาในภายหลัง ซึ่งมักจะเกิดในสัตว์เลี้ยงที่มีผิวหนังบางหรือมีขนสั้น
วิธีการป้องกันให้ปลอดภัยจากโรคของสุนัขในช่วงฤดูร้อน
โรคของสุนัขในช่วงฤดูร้อนนั้น นับว่าเป็นโรคอันตรายเช่นเดียวกัน หากคุณต้องการป้องกันให้สัตว์เลี้ยงของตนเองปลอดภัยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เริ่มต้นจากโรคลมแดด ให้เรานั้นจัดที่อยู่ให้พวกเขาอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นสบายและอากาศถ่ายเทตลอดทั้งวัน หากเป็นสายพันธุ์ที่มีขนหนาหรือมาจากเมืองหนาว ก็อาจจะต้องมีการเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศให้พวกเขา อาหารที่เตรียมให้กับพวกเขานั้นควรที่จะต้องสดใหม่และปรุงสุกทุกมื้อ ไม่ทิ้งอาหารข้ามคืนเพื่อป้องกันการเกิดโรคท้องร่วง จัดเตรียมน้ำให้กับพวกเขาอยู่เสมอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ หากพวกเขาไม่ยอมดื่มเองเราอาจจะต้องช่วยป้อน
วิธีการตรวจสอบว่าพวกเขามีภาวะขาดน้ำหรือไม่ ให้เราดึงผิวหนังบริเวณหลังของพวกเขาขึ้นมา หากมันกลับเข้าที่เดิมภายในระยะเวลาประมาณ 1-2 วินาที แปลว่าพวกเขายังปกติดี แต่หากต้องใช้เวลานานในการที่ผิวหนังกลับคืนสู่ที่เดิม แปลว่าพวกเขากำลังอาจจะประสบกับภาวะขาดน้ำอยู่ก็เป็นได้ หากพวกเขามีอาการภูมิแพ้ก็ให้จัดสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมอย่างเช่น การติดเครื่องฟอกอากาศหรือละเว้นการออกไปนอกบ้านสักระยะเวลาหนึ่งก่อน หากพวกเขามีปัญหาผิวหนังไวต่อแสงแดด อาจจะต้องพาไปเข้ารับการรักษาอาการผิวหนังอักเสบ และเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระให้กับพวกเขาอย่างเช่น การให้วิตามินหรืออาหารที่เหมาะสม เป็นต้น