แมลงเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สามารถสร้างความเสียหายได้มหาศาล เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะตัวเล็ก แต่พวกเขาก็มาพร้อมกับปริมาณและปัญหามากมายเช่นเดียวกัน อย่างเช่นตั๊กแตนปาทังก้า ตั๊กแตนที่เคยระบาดไปทั่วทั้งโลกจนเกษตรกรต้องสูญเสียรายได้ จากการโดนแมลงสายพันธุ์นี้บุกทำลายผลผลิต แม้แต่ในประเทศไทยของเราเอง ก็เคยมีเหตุการณ์การอพยพของฝูงตั๊กแตนจำนวนมาก จนทำให้พืชผลทางการเกษตรเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นกัน และย้อนรอยเหตุการณ์ในอดีตว่า ชาวไทยจัดการกับการระบาดของพวกเขาอย่างไรบ้าง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับตั๊กแตนปาทังก้า แมลงตัวแสบทำลายผลผลิต
ตั๊กแตนปาทังก้า ลักษณะจะเป็นแมลงที่มีความยาวลำตัวประมาณ 8 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ารูปร่างค่อนข้างใหญ่โตเลยทีเดียว ประกอบกับรูปลักษณ์ที่ดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ เวลาอพยพไปที่ไหน พวกเขาก็มักจะเป็นที่น่าหวาดกลัวอยู่เสมอ
เพราะพวกเขามีจำนวนประชากรเยอะมาก และยังสามารถทำลายผลผลิตทางการเกษตรได้เป็นจำนวนมากอีกด้วย ใบหน้าของตั๊กแตนปาทังก้าจะยืดยาวออกมาจนแทบจะชิดกับลำคอ ด้านบนของริมฝีปากมีขนาดใหญ่จนเห็นได้ชัด ดวงตากลมเป็นทรงไข่มีขนาดใหญ่จนเราสามารถสบตากับพวกเขาได้
ลักษณะที่เด่นชัดก็คือ บริเวณแก้มทั้งสองข้างจะมีแถบสีดำพาดมาจากบริเวณขอบตา ยาวจนถึงริมฝีปากเลยทีเดียว หน้าอกจะมีขนาดเล็กกว่าลำตัวเล็กน้อย บริเวณด้านข้างจะมีแถบเป็นสีน้ำตาลดำลากยาวเป็นทาง
ตั๊กแตนปาทังก้ามีปีกเป็นเส้นใยบาง ๆ เอาไว้ใช้สำหรับการเคลื่อนที่ โดยปีกจะยาวตั้งแต่ส่วนหลังของหน้าอกยาวเลยลำตัวออกไป ตอนกางปีกบริเวณโคนจะมีสีชมพูอ่อน ขามีลักษณะเป็นข้อปล้องที่เรียวยาว ตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย
วงจรชีวิต
เมื่อโตเต็มวัยตั๊กแตนปาทังก้าจะส่งเสียงเรียกหาคู่ที่เรามักได้ยินกันในช่วงเดือนเมษายน หลังจากผสมพันธุ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวเมียก็จะทำการวางไข่เอาไว้ในดินเป็นฝักประมาณ 1 ถึง 3 ฝัก ในแต่ละฝักจะมีไข่ได้ตั้งแต่ 96 ฟองไปจนถึง 152 ฟองเลยทีเดียว
ใช้เวลาในการฟักตัวไม่เกิน 40 วัน จากนั้นพวกเขาก็จะผุดขึ้นมาจากดินเป็นแมลงตัวอ่อนที่ไม่ใช่หนอนแต่อย่างใด ตัวอ่อนของตั๊กแตนปาทังก้าจะมีลำตัวเป็นสีเขียวสดใสคล้ายกับตั๊กแตนตำข้าว เพียงแต่ขนาดตัวจะเล็กกว่า
หลังจากนั้นพวกเขาก็จะเจริญเติบโตขึ้น ผ่านการลอกคราบประมาณ 8 ครั้งก็จะกลายเป็นตัวโตเต็มวัยที่มีอายุยาวนานได้ถึง 8 เดือน ดังนั้นใน 1 ชั่วชีวิตของพวกเขาจะกินเวลาอยู่ที่ประมาณ 1 ปี
การทำลายผลผลิตทางการเกษตร
ตั๊กแตนปาทังก้าเป็นสัตว์กินพืช เราสามารถพบเห็นพวกเขาได้ทั่วไปตามบริเวณไร่นาหรือสวน ที่สำคัญมักจะแพร่ระบาดในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูที่เหล่าเกษตรกรกำลังจะได้ผลผลิตงาม ๆ หลังจากที่ผ่านช่วงฤดูแล้งในเดือนธันวาคมถึงมีนาคมมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงกลายเป็นแมลงศัตรูพืชตัวฉกาจ ที่สามารถทำลายผลผลิตได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับจำนวนที่มีมากจนแทบจะไม่สามารถกำจัดได้หมด ยิ่งทำให้ผลผลิตของเกษตรกรได้รับความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม
อาหารของตั๊กแตนปาทังก้านั้นมีมากกว่า 34 ชนิดเลยทีเดียว สามารถทำลายใบของต้นกล้วย อ้อย ส้ม ข้าวโพด มะพร้าว ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง ข้าว รวมไปถึงปาล์มน้ำมันได้ ไม่ว่าเราจะปลูกอะไรขึ้นมาก็แทบจะเป็นอาหารของพวกเขาทั้งสิ้น
วิธีการป้องกันและกำจัด
สำหรับเกษตรกรคนไหนที่เหลืออดกับเหล่าตั๊กแตนปาทังก้า เราก็มีวิธีการกำจัดพวกเขามาแนะนำ ให้ทุกคนได้ลองทำตามเช่นเดียวกัน ดังนี้
- ใช้ศัตรูตามธรรมชาติ ตั๊กแตนปาทังก้าก็เหมือนกับแมลงทั่วไปที่มีศัตรูตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา นก หนู ไรแดง หรือแตนเบียนไข่ พวกเขาจะทำให้ตั๊กแตนเกิดอาการเจ็บป่วยและล้มตายไปเอง หรือบางตัวก็กินตั๊กแตนเป็นอาหารเช่นเดียวกัน
- ใช้อุปกรณ์ในการจับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แสงไฟสีฟ้าในการล่อเพื่อให้จับง่ายขึ้นกว่าเดิม การเปิดไฟสว่างไม่ว่าจะเป็นการยิงสปอร์ตไลท์หรือใช้ไฟฉายคาดหัว นำเอาสวิงไปจับพวกเขา หรือหากจะขุดให้ลึกถึงต้นตอก็สามารถทำลายไข่ที่อยู่ในดินของพวกเขาได้เช่นเดียวกัน
- ปลูกสะเดา เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถยับยั้งการทำลายผลผลิตของเราได้เป็นอย่างดี
- ใช้สารเคมี ให้เราฉีดพ่นยาฆ่าแมลงเพื่อลดจำนวนประชากรของพวกเขา ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับความเสียหายทางเศรษฐกิจ นั่นก็คือ 1 ตัวต่อตารางเมตร หากต้องการกำจัดตัวโตเต็มวัยให้ใช้ เฟนิโตรไธออน 83% ULV หากเป็นตัวอ่อนให้ใช้ เฟนิโตรไธออน 50% อี.ซี. หรือจะฉีดพ่นด้วย Big เป็นประจำทุก 15 วันถึง 30 วันก็ได้เช่นเดียวกัน ให้เริ่มพ่นตั้งแต่ช่วงที่ต้นไม้ของเรายังเป็นต้นกล้า เพราะต้นไม้ของเราจะมีความต้านทานแมลงและมีความแข็งแรงเป็นอย่างดี
รู้หรือไม่ ตั๊กแตนปาทังก้าเคยระบาดในไทยก่อนกลายเป็นอาหารอันโอชะ
ตั๊กแตนปาทังก้า เป็นสัตว์ที่ระบาดไปทั่วทั้งโลก เวลาเกิดการระบาดในแต่ละครั้งก็มักจะมีข่าวออกมาให้เราได้ยินว่า เกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าวได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และในประเทศไทยนั้น ครั้งหนึ่งในอดีตก็เคยเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วเช่นเดียวกัน
อยู่ดี ๆ ตั๊กแตนปาทังก้าก็ตัดสินใจอพยพจากทั้งปากีสถานและอินเดียมายังประเทศไทย มีหลายจังหวัดที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ระบาด รัฐบาลในช่วงเวลานั้นก็เตรียมตัวรับมือกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการใช้ยาฆ่าแมลงที่แรงที่สุด
แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว ประเทศไทยก็ไม่ได้จัดการปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้ยาฆ่าแมลง เพราะชาวบ้านดันค้นพบว่า ตั๊กแตนปาทังก้ามีรสชาติที่อร่อยอย่างน่าเหลือเชื่อเสียอย่างนั้น ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ถูกจับเอาไปทอดเป็นอาหาร ให้ทุกคนได้รับประทานจนเกือบจะสูญพันธุ์กันเลยทีเดียว
พวกเขากลายมาเป็นอาหารแปลกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่มีการสร้างวงจรการขายอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจับแมลงตามธรรมชาติ การขายผ่านพ่อค้าคนกลาง การนำเอามาปรุงเป็นอาหาร ในช่วงหลังพวกเขาถึงขั้นเป็นอาหารหายากเลยทีเดียว
คนไทยต้องเลี้ยงพวกเขาเอาไว้เป็นฟาร์ม เพื่อผลิตเป็นอาหารให้ทุกคนได้รับประทานกันอย่างเพียงพอ ถึงขั้นที่ไปขุดเอาไข่ในดินมาขาย นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา คนไทยก็ไม่เคยเผชิญกับปัญหาตั๊กแตนปาทังก้าอพยพอีกเลยจนถึงทุกวันนี้
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me