แมว เป็นสัตว์ที่นิยมนำเอามาเลี้ยงกันเป็นอย่างมากเนื่องจากพวกเขานั้นมีลักษณะภายนอกที่น่ารักและมีลักษณะนิสัยที่น่าเอาชนะเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องดูแลสุขภาพพวกเขาให้ดีเช่นเดียวกัน อย่างเช่นปัญหาแมวท้องเสียที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่ทาสแมวต้องให้ความใส่ใจคอยดูว่า การขับถ่ายของพวกเขานั้นเป็นไปอย่างปกติหรือไม่ เพราะการขับถ่ายของพวกเขาสามารถบ่งบอกได้ว่า พวกเขากำลังมีสุขภาพที่ดีหรือกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพกันแน่ วันนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรคดังกล่าวกันว่า มันอันตรายมากน้อยแค่ไหนและจะมีวิธีการดูแลพวกเขาอย่างไรได้บ้าง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
แมวท้องเสียคืออะไร ทำความเข้าใจกับปัญหาสุขภาพของแมวที่คุณรัก
โดยปกติแล้วการขับถ่ายของแมวนั้นมักจะออกมาเป็นก้อนตามปกติ ซึ่งหมายความว่าพวกเขากำลังมีสุขภาพที่ดี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่แมวท้องเสีย มีการขับถ่ายออกมานิ่มหรือเป็นน้ำ โดยที่ลักษณะภายนอกพวกเขายังดูแข็งแรงและร่าเริงดีอยู่ อาจหมายความว่าพวกเขากำลังมีปัญหาภายในก็เป็นได้ โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร สำหรับในลูกแมวมักจะมีอาการท้องเสียอยู่เป็นประจำในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งมีสาเหตุจากน้ำ หรืออาหารที่เราให้
ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากที่เราต้องคอยตรวจสอบการขับถ่ายของสัตว์เลี้ยงอยู่เสมอ เพราะมันจะช่วยบอกเราได้ว่า ตอนนี้สัตว์เลี้ยงของเรากำลังแข็งแรงดีหรือมีปัญหาทางสุขภาพอยู่กันแน่ เราควรสังเกตการณ์ขับถ่ายของพวกเขาอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเริ่มมีอาการเหล่านี้ ให้เรารีบพาไปพบแพทย์ทันทีนั่นก็คือ มีอาการท้องเสียติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะมันจะทำให้สัตว์เลี้ยงของเราสูญเสียน้ำไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งแร่ธาตุและเกลือที่อยู่ในน้ำนั้นมีผลต่อสุขภาพของพวกเขา รวมไปถึงของเสียของพวกเขานั้นมีสีดำปะปนออกมาด้วยซึ่งก็คือเลือดนั่นเอง
เมื่อพวกเขาเริ่มมีภาวะขาดน้ำจะสามารถตรวจสอบได้ด้วยการ หยิบหนังบริเวณหลังของพวกเขาดึงขึ้นมาแล้วสังเกตดูว่า มันกลับเข้าที่เร็วหรือช้า หากใช้เวลาในการกลับเข้าที่เดิมช้าแปลว่า พวกเขากำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ มีไข้ เซื่องซึมไม่ร่าเริง เหงือกมีสีเหลืองหรือซีดเผือก มีอาการอาเจียน หรือมีอาการเจ็บปวดซึ่งสามารถสังเกตเห็นจากการที่พวกเขาจะนอนคุดคู้อยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย อาการเหล่านี้หมายความว่า พวกเขานั้นเริ่มมีอาการที่หนักและต้องเข้ารับการรักษา โดยสัตวแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญโดยด่วน
เราไม่ควรนำเอายาของมนุษย์ให้กับสัตว์เลี้ยงกินโดยเด็ดขาด สัตวแพทย์จะทำการวินิจฉัยว่าพวกเขานั้นท้องเสียท้องร่วงจากสาเหตุใดและทำการรักษาไปตามอาการ วิธีการนั้นก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่กรณีอย่างเช่น สำหรับแมวโตก็อาจจะให้งดอาหารประมาณ 12-24 ชั่วโมงและให้พวกเขาดื่มน้ำบ่อย ๆ หลังจากนั้นก็เริ่มให้อาหารรสจืดในปริมาณที่น้อย สังเกตด้วยว่าพวกเขามีอาการท้องเสียขึ้นมาอีกหรือไม่ หากไม่มีอาการก็สามารถปรับไปค่อย ๆ กินอาหารตามเดิมได้เหมือนปกติ
แต่ในกรณีของลูกแมวเราอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอาหารเป็นการถาวร เพื่อหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา อาจจะต้องมีการเพิ่มปริมาณไฟเบอร์และลดไขมันเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น หากเกิดจากการเป็นพยาธิก็จะต้องรับยาอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นยาถ่ายพยาธิหรือยาลดปวดเกร็งก็ตาม หากพวกเขาขาดน้ำก็อาจจะต้องมีการให้น้ำเกลือ สัตวแพทย์อาจจะมีการจ่ายยาปฏิชีวนะ หากสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียรวมไปถึงลำไส้เป็นแผล ลำไส้อักเสบ
อย่างไรก็ตามกระบวนการรักษาของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของสัตวแพทย์ว่าจะทำการรักษาอย่างไร เพื่อให้ส่งผลดีต่อสุขภาพของพวกเขาให้ได้มากที่สุด ดังนั้นเมื่อเราสังเกตเห็นว่าการขับถ่ายของพวกเขามีอาการผิดปกติ เราจึงควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุโดยเร็ว เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถรักษาพวกเขาให้หายดีได้อย่างรวดเร็วและง่ายมากขึ้นกว่าเดิม ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้และคิดว่ามันเป็นอาการตามปกติที่เกิดขึ้นได้เหมือนกับมนุษย์ที่ท้องเสีย จนสุดท้ายแล้วอาการของพวกเขาหนักขึ้น ซึ่งมันอาจจะทำให้เราต้องสูญเสียพวกเขาไปตลอดกาลเลยก็เป็นได้เช่นเดียวกัน
ดูแลแมวท้องเสียอย่างไรให้สุขภาพดี
หากคุณประสบปัญหาแมวท้องเสีย หลังจากที่เราพาพวกเขาไปพบสัตวแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่เจ้าของอย่างเราที่ต้องกลับมาดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดี เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมามีสุขภาพดีตามเดิมอีกครั้ง หากพวกเขามีอาการถ่ายเหลวเราก็ต้องดูแลเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยเป็นพิเศษ พยายามทำความสะอาดกระบะทรายของพวกเขาทุกครั้งหลังจากที่มีการขับถ่าย โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นพยาธิหรือมีการติดเชื้อ เพราะมันอาจจะเกิดขึ้นซ้ำได้หากเราไม่ดูแลสุขอนามัยให้ดี
ควรป้อนยาพวกเขาให้ครบตามคำสั่งของสัตวแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาปฏิชีวนะที่ไม่สามารถหยุดยาได้เองโดยเด็ดขาด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอาการที่ดีขึ้นจนเป็นปกติแล้วก็ตาม เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาดื้อยาตามมาได้ในภายหลัง สำหรับตัวที่มีปัญหาจากอาหาร เราก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอาหารพวกเขาให้เหมาะสม โดยจะต้องให้อาหารที่มีไฟเบอร์สูง โปรตีนสูง ไขมันต่ำ คาร์โบไฮเดรตต่ำ ซึ่งจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของพวกเขาทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้มันยังช่วยให้พวกเขาสุขภาพดีมากขึ้นได้อีกด้วย ในขณะเดียวกันนั้นเจ้าของก็ต้องดูแลตัวเอง ด้วยการทำความสะอาดร่างกายทุกครั้ง หลังจากทำความสะอาดกระบะทรายแมวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญที่สุดก็คือ หากมีแมวหลายตัวก็ต้องแยกตัวที่ป่วยออกจากตัวอื่น ทำการฆ่าเชื้อบริเวณที่พวกเขาอยู่ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ตัวอื่นติดเชื้อตามมาในภายหลังได้เป็นอย่างดี
