แมวเป็นสัตว์ที่น่ารักเป็นอย่างมากไม่ว่าจะด้วยนิสัยหรือรูปลักษณ์ภายนอกก็ตาม จนทำให้หลายคนตกหลุมรักได้ไม่ยาก แต่สำหรับคนเป็นโรคภูมิแพ้ต่อให้ชอบแมวมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ เราจึงอยากจะแนะนำ แมวสฟิงซ์ แมวที่เป็นมิตรกับชาวภูมิแพ้โดยเฉพาะคนที่แพ้ขนของแมว เนื่องจากพวกเขาไม่มีขนแต่อย่างใด นอกเหนือจากนั้นพวกเขาก็เหมือนกับแมวธรรมดาทั่วไป ทำให้คนที่เป็นโรคภูมิแพ้สามารถเลี้ยงหรือเล่นกับพวกเขาได้ตามความต้องการ สำหรับใครที่สนใจอยากจะเลี้ยงแมวสฟิงซ์ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขากัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับแมวสฟิงซ์ แมวไร้ขนที่หลายคนตกหลุมรัก
แมวสฟิงซ์ เป็นที่รู้จักโดยทั่วกันว่าพวกเขาเป็นแมวไม่มีขน เนื่องจากตลอดทั้งลำตัวของพวกเขานั้น ไม่ได้มีขนปุกปุยเหมือนกับแมวสายพันธุ์อื่นแต่อย่างใด ดังนั้นคนที่แม้แต่แพ้ขนแมวก็ยังสามารถเลี้ยงหรือแม้แต่เล่นกับพวกเขาได้ โดยที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ตามมา
พวกเขาเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งถือกำเนิดมาในช่วงต้นยุค 1960 นี้เอง ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ในแถบทวีปยุโรป แต่ในปัจจุบันเป็นที่รู้กันว่าพวกเขาได้รับการพัฒนามาจากเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ในช่วงยุค 1970
โดยนักพัฒนาสายพันธุ์ได้มีการแบ่งต้นกำเนิดของพวกเขาเป็น 2 สาย ประกอบไปด้วยสายแคนาดาและสายมินิโซตา ลักษณะทางกายภาพของพวกเขาที่โดดเด่นที่สุดก็คือ การที่พวกเขาไม่มีขนเลยแม้แต่น้อย
พวกเขานั้นเป็นแมวที่มีรูปร่างผอมเพรียวแต่ก็มีความแข็งแรงเช่นเดียวกัน เนื่องจากแมวสฟิงซ์ชอบวิ่งเล่นและออกกำลังกายอย่างเต็มที่ ทำให้พวกเขาไม่ค่อยอ้วนสักเท่าไหร่ นอกเหนือจากนี้พวกเขายังมีขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ มีหูขนาดใหญ่ทรงสามเหลี่ยมที่กางออกตัดกับใบหน้าทรงสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ของพวกเขา
พวกเขามีดวงตาที่กลมโต ปากนิด จมูกหน่อย ทำให้ลักษณะโดยรวมแล้วจึงมีความคล้ายเอลฟ์ไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นแมวที่แค่เห็นหน้าก็รู้สึกตลกขึ้นมาได้แล้ว
ลักษณะทั่วไปของแมวสฟิงซ์
ความจริงแล้วแมวสฟิงซ์นั้นไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นแมวที่ไม่มีขนแต่อย่างใด พวกเขาเป็นสัตว์แปลกก็จริงแต่พวกเขามีขนที่มีขนาดเล็กมากอยู่บนผิวหนัง ที่ลักษณะใกล้เคียงกับขนของมนุษย์เรา และพวกเขาก็ยังมีหนวดเหมือนกับแมวสายพันธุ์ทั่วไปอีกด้วย
พวกเขามีสีผิวที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่สีเดียวตลอดทั้งลำตัวหรือมีหลากหลายสีสันซึ่งสามารถมีได้มากถึง 3 สี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็จะมีผิวหนังสีเนื้ออมชมพู เหมือนกับสีผิวหนังของแมวทั่วไปที่มีขนเช่นเดียวกัน
อายุเฉลี่ยของแมวสฟิงซ์จะอยู่ที่ประมาณ 15 ปีขึ้นไปจนถึง 20 ปี พวกเขานั้นมีความขี้เล่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นเลี้ยงพวกเขาแล้วไม่ต้องกลัวเหงา เพราะพวกเขาจะอยู่เป็นเพื่อนเล่นของคุณไม่แตกต่างจากสุนัขเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นแมวสายพันธุ์นี้ก็ไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยงกับเด็กหรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นแต่อย่างใด เนื่องจากพวกเขานั้นค่อนข้างเป็นแมว Introvert ที่ชอบการอยู่คนเดียวตามลำพัง และได้รับความสนใจจากเจ้าของไปแบบเต็ม ๆ มากกว่าที่จะอยู่กับสัตว์ชนิดอื่นหรือเด็ก
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถเข้ากับเด็กหรือสัตว์ชนิดอื่นได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน ปัญหาก็คือพวกเขานั้นมีความฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมาก และมันก็ทำให้พวกเขากลายเป็นแมวขี้สงสัย หากพวกเขาดันไปสงสัยเด็กจนทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บ
เด็กก็อาจจะตอบโต้จนทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน หรือหากพวกเขาเข้าไปแหย่สุนัขตัวใหญ่โดยที่ไม่ได้ต้องการหาเรื่อง แค่อยากรู้อยากเห็นก็อาจจะทำให้พวกเขาถูกกัดจนได้รับบาดเจ็บได้เช่นเดียวกัน
รวมสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงแมวสฟิงซ์
แมวสฟิงซ์ เป็นแมวที่ดูเหมือนจะเลี้ยงง่ายโดยเฉพาะสำหรับคนเลี้ยงสัตว์มือใหม่ แต่ความจริงแล้วถึงพวกเขาจะไม่ได้มีขนให้เราต้องคอยหมั่นดูแลทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการหวีขนหรืออาบน้ำให้ แต่เราก็ยังคงต้องตัดเล็บให้พวกเขาเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้พวกเขายังต้องการการเอาใจใส่ด้านอื่นอีกด้วย เพราะพวกเขานั้นมีอัตราการเผาผลาญพลังงานสูงมาก เนื่องจากชื่นชอบการเล่นและการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน เป็นแมวขี้สงสัย ดังนั้นจึงชอบสำรวจไปทั่วทั้งบ้านและดมสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา
ส่งผลไปถึงเรื่องของอาหาร ที่เราจะต้องให้อาหารอย่างเหมาะสมและเพียงพอ เพื่อเป็นการทดแทนพลังงานที่ใช้ไปในแต่ละวัน นอกจากนี้อาหารยังต้องสามารถช่วยดูแลสุขภาพของพวกเขาให้แข็งแรงทั้งในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย
พวกเขาต้องการอาหารที่มีโปรตีนสูง ดังนั้นเราจะให้พวกเขาเป็นอาหารเม็ดสำหรับแมวที่อุดมไปด้วยโปรตีน หรือให้เป็นอาหารสดอย่างเช่น เนื้อไก่หรือเนื้อปลา ก็ได้เช่นเดียวกัน ที่ต้องระมัดระวังคือ คาร์โบไฮเดรต เนื่องจากพวกเขานั้นไม่ได้ต้องการแป้งมากนัก เพราะมันอาจจะทำให้พวกเขาอ้วนได้
วิธีเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้สิ่งสำคัญก็คือ เราจะต้องมีเวลาให้กับเขาอย่างเพียงพอ ทั้งในการเล่นกับพวกเขาหรืออยู่กับพวกเขา เนื่องจากแมวสฟิงซ์นั้นต้องการความรักและการเอาใจใส่จากเจ้าของเป็นอย่างมาก เราต้องเลี้ยงพวกเขาด้วยระบบปิดอยู่แต่ในบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาไปเล่นข้างนอก ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้รับบาดเจ็บหรือการติดโรคก็ตาม
สิ่งที่จะตามมาก็คือ ของเล่นของพวกเขาไม่ว่าจะเป็น คอนโดแมว เอาไว้สำหรับพักผ่อน ไม้ตกแมว สำหรับการเล่นสนุก หรือสำหรับใครที่มีงบประมาณจะซื้อเป็นลู่วิ่งก็ได้เช่นเดียวกัน เพื่อที่พวกเขานั้นจะสามารถออกกำลังกายด้วยตัวเองได้เท่าที่ต้องการ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me