สัตว์แต่ละชนิดนั้นต่างถูกมนุษย์เปรียบเปรยให้เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งต่าง ๆ หรือแม้แต่ลักษณะนิสัยก็ตาม สุนัขจิ้งจอก ก็ถือว่าเป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ได้รับการเปรียบเปรยว่าเป็นสัญลักษณ์ของเล่ห์เหลี่ยมและความเจ้าเล่ห์ แต่ความจริงแล้วพวกเขานั้นมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าแค่เล่ห์เหลี่ยมที่หลายคนคิด นอกจากนี้ตามธรรมชาติแล้วพวกเขาก็ยังไม่ได้มีนิสัยที่มีเล่ห์เหลี่ยมอย่างที่มนุษย์ได้กล่าวถึงอีกด้วย พวกเขามีความสัมพันธ์กับมนุษย์มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ยุคโบราณและในหลายพื้นที่ทั่วโลก ด้วยเหตุนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสุนัขจิ้งจอกให้มากขึ้น เพื่อไขข้อสงสัยที่หลาย ๆ คนคาใจ พวกมันจะเหลี่ยมจัดอย่างที่ได้กล่าวไว้หรือไม่ ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับสุนัขจิ้งจอก สัตว์ตามธรรมชาติที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ใคร
สุนัขจิ้งจอก เป็นสัตว์ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มไฟลั่มสัตว์มีกระดูกสันหลังและอยู่ในชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ลักษณะทั่วไปของพวกเขานั้นจะมีความใกล้เคียงกับสุนัขบ้านไม่น้อยเลยทีเดียว หากเทียบขนาดตัวแล้วพวกเขามีขนาดตัวเล็กกว่าสุนัขบ้านสายพันธุ์ใหญ่ทั่วไปด้วยซ้ำ
พวกเขามีจมูกให้ยื่นยาวออกมาทำให้ใบหน้าเป็นทรงสามเหลี่ยม มีใบหูขนาดใหญ่ทรงสามเหลี่ยมที่ชี้ขึ้น มีฟันที่แหลมคมและกรามที่แข็งแรง หางยาวเป็นพวง ส่วนใหญ่พบว่ามีสีน้ำตาลส้มบริเวณด้านหลัง ส่วนบริเวณคางไปจนถึงท้องจะมีขนเป็นสีขาว
ปัจจุบันพบว่ามีสุนัขจิ้งจอกทั้งหมด 27 ชนิด จากทั้งหมด 5 สกุล สามารถพบได้ทั่วไปทั่วทั้งโลกไม่เว้นแม้กระทั่งบริเวณขั้วโลกเหนือเองก็ตาม เนื่องจากพวกเขามีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในประเทศไทยอีกด้วย โดยจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ พบได้เพียงแค่สายพันธุ์เดียวก็คือจิ้งจอกทองหรือจิ้งจอกเอเชีย ซึ่งเชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของสุนัขพันธุ์ไทยอย่างบางแก้วอีกด้วย
สุนัขจิ้งจอก นั้นเป็นสัตว์กินเนื้อที่ออกหากินในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้นตอนกลางวันพวกเขาจึงมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับพักผ่อนอยู่ในโพรงดิน พวกเขามีพฤติกรรมอยู่รวมตัวกันเป็นฝูงเล็ก ๆ ตั้งแต่ 2-4 ตัว
หากฝูงใหญ่ก็สามารถไล่ล่าสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองได้อย่างเช่นกวาง แต่หากอยู่กันเป็นฝูงเล็กพวกเขาก็จะล่าสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่าอย่างเช่น กิ้งก่า นก ไก่ หรือ จิ้งเหลน นอกจากนี้พวกเขายังสามารถกินซากสัตว์รวมไปถึงผลไม้ได้อีกด้วย
ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้มีนิสัยที่ดุร้าย เป็นสัตว์ที่ออกจะรักสงบด้วยซ้ำไป แต่จะมีพฤติกรรมดุร้ายเมื่อรู้สึกว่ามีอันตรายมาถึงตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทำร้ายมนุษย์ที่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าพวกเขามาก
สำหรับการผสมพันธุ์สุนัขจิ้งจอกจะเริ่มผสมพันธุ์เมื่อโตเต็มวัยโดยมีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ใช้เวลาในการตั้งท้องเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ออกลูกครอกละประมาณ 4-5 ตัว อายุโดยเฉลี่ยของพวกเขานั้นจะอยู่ที่ประมาณ 12 ปี
ความสัมพันธ์ระหว่างสุนัขจิ้งจอกและมนุษย์ในแต่ละพื้นที่
สุนัขจิ้งจอก นั้นเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน ดังนั้นพวกเขาจึงปรากฏตัวในตำนานของหลายพื้นที่ทั่วโลก อย่างเช่นในประเทศจีนที่พวกเขานั้นถูกจัดให้เป็นนางมารร้าย เนื่องจากเป็นสัตว์นักล่าแถมรูปลักษณ์ภายนอกยังดูเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก ซึ่งนั่นก็คือตำนานจิ้งจอกเก้าหางนั่นเอง
ด้วยความที่มันอยากเป็นมนุษย์ดังนั้นจึงได้บำเพ็ญเพียรจนครบ 900 ปีและสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ มันมีรูปลักษณ์เป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสวยงาม และมันก็ใช้ความสวยงามของตนเองยั่วยวนจนฮ่องเต้หลงใหลถึงขั้นที่ละทิ้งบ้านเมืองเลยทีเดียว ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนก็ไม่พอใจและลุกฮือขึ้นมาต่อต้านจนสามารถกำจัดฮ่องเต้พร้อมกับขับไล่ปีศาจได้สำเร็จ
แต่ในฝั่งประเทศญี่ปุ่นสุนัขจิ้งจอกกลับถูกจัดให้เป็นสัตว์เทพ เนื่องจากเป็นตัวแทนและข้ารับใช้ของเทพอินาริผู้ที่ดลบันดาลฝน ธัญญาหารทั้งหลาย รวมไปถึงการเกษตร ด้วยเหตุนี้ศาลเจ้าของเทพเจ้าอินาริจึงมีอยู่แทบทุกเมืองในประเทศญี่ปุ่น
ตามตำนานเล่าว่า มีนางจิ้งจอกตนหนึ่งได้จำแลงแปลงกายให้เป็นหญิงงามและเข้ามาเป็นนางสนมคนโปรด หลังจากนั้นมันก็ได้สูบพลังชีวิตขององค์จักรพรรดิ จนองค์จักรพรรดิแทบจะเอาชีวิตไม่รอด สุดท้ายก็ถูกจับได้และถูกกำจัดทิ้งในที่สุด
นากจากนี้ยังมีอีกตำนานหนึ่งที่เล่าว่า ในอดีตมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงตั้งใจที่จะจับจิ้งจอกมาเพื่อสังเวยในการขอฝน ชาวบ้านทราบว่ามีสุนัขจิ้งจอกตัวเมียตัวหนึ่งอาศัยอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงให้ชายหนุ่มเข้าไปจีบและขอแต่งงาน
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันเป็นแผนการของชาวบ้านแต่ก็ยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้ชาวบ้านอยู่รอด ผู้คนจึงเชื่อกันว่าน้ำตาของพวกเขานั้นถูกกลั่นออกมาและกลายเป็นเม็ดฝนนั่นเอง
สำหรับในประเทศรัสเซียแล้วสุนัขจิ้งจอกไม่ต่างอะไรจากสุนัขบ้านทั่วไป เป็นระยะเวลาร่วม 60 ปีที่ทีมวิจัยจากรัสเซียพยายามนำเอาพวกเขามาเลี้ยงเพื่อศึกษาว่า วิวัฒนาการของพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนมาเป็นสุนัขบ้านได้อย่างไร และในที่สุดนักผสมพันธุ์ก็สามารถผสมพันธุ์พวกเขาให้กลายเป็นสุนัขที่มีนิสัยเป็นมิตรและขี้เล่นได้สำเร็จ
เป็นการย่อกระบวนการพัฒนาสายพันธุ์จากหมาป่ากลายเป็นหมาบ้าน ที่ปกติแล้วต้องใช้เวลายาวนานนับพันปีเหลือเพียงแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น แถมมันยังเป็นการเปลี่ยนแปลงไปถึงระดับพันธุกรรมเลยทีเดียว ทำให้พวกเขามีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปด้วยอย่างเช่น การมีหางเป็นพวงหรือใบหูตกลงที่เราสามารถพบได้ทั่วไปในกลุ่มสุนัขบ้านนั่นเอง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me