ในยุคนี้สัตว์เลี้ยงธรรมดาทั่วไปอย่างสุนัขหรือแมวดูเหมือนว่าจะไม่แปลกใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เลี้ยงอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็นสัตว์เลี้ยงที่แปลกใหม่มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง คาราคัล ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงแปลก ๆ ที่คนเริ่มนิยมเลี้ยงกันมากขึ้น ในอดีตพวกเขาเคยเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันมีผู้คนนิยมเลี้ยงพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม สำหรับใครที่สนใจอยากจะลองเลี้ยงคาราคัลดู เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขากัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับแมวคาราคัล จากสัตว์ในธรรมชาติสู่การเป็นสัตว์เลี้ยง
คาราคัล ในอดีตนั้นอาจเป็นสัตว์ป่าที่ดูไม่แตกต่างอะไรจากเสือตัวเล็ก ๆ แต่ในปัจจุบันพวกเขากลายมาเป็นแมวตัวใหญ่ที่ได้รับความนิยมในฐานะของสัตว์เลี้ยงเสียอย่างนั้น ชื่อของพวกเขานั้นมาจากภาษาตุรกีที่มีความหมายว่า “หูดำ” ซึ่งเป็นจุดที่มีความโดดเด่นมากที่สุดของพวกเขา
หูของพวกเขานั้นเป็นทรงสามเหลี่ยมที่ดูใหญ่และเรียว ด้านหลังใบหูจะมีขนสีดำ ส่วนบริเวณด้านบนสุดของหูนั้นจะมีขนเป็นพู่ชี้ออกมา ทำให้ดูสวยงามและน่ารักเป็นอย่างมาก บริเวณข้างริมฝีปากของพวกเขานั้นจะมีขนสีเข้ม มีขนเป็นเส้นตรงชี้บริเวณหัวตาทั้งสองข้าง
ขนตามลำตัวนั้นจะค่อนข้างสั้นและเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีแดงเข้ม ขนใต้ท้องจะยาวและมีสีที่อ่อนกว่าบริเวณอื่น ใบหน้าเป็นทรงสามเหลี่ยมแต่ปากและจมูกยื่นออกมาสั้นกว่าแมวบ้านทั่วไป มีดวงตาทรงอัลมอนด์ที่โฉบเฉี่ยว
ลำตัวนั้นสามารถมีความยาวได้กว่า 95 เซนติเมตร และหางก็มีความยาวถึง 1 ใน 3 ของลำตัว ตัวผู้สามารถมีน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 18 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียนั้นจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 16 กิโลกรัม ทำให้พวกเขานั้นจัดเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในทวีปแอฟริกา
เนื่องจากคาราคัลไม่ได้มีขนาดใหญ่กว่าสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ที่ชื่นชอบสัตว์แปลก ก่อนที่พวกเขาจะได้รับความนิยมเลี้ยงในบ้านเหมือนในปัจจุบัน ในอดีตแถวประเทศอินเดียก็เคยมีการเลี้ยงพวกเขา แถมยังฝึกเอาไว้ใช้ในการล่าสัตว์อีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่จะสามารถเลี้ยงพวกเขาได้ก็จะเป็นคนชนชั้นสูง
อาหารและการใช้ชีวิตของคาราคัล
คาราคัลเป็นสัตว์กินเนื้อที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่แห้งแล้ง ดังนั้นพวกมันจึงมีความทนทานต่อสภาพอากาศเป็นอย่างมาก อย่างเช่นบริเวณป่าไม่ไกลจากทะเลทรายสะฮาราหรือบริเวณทะเลทรายอินเดีย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถอดน้ำได้เป็นอย่างดี ขอเพียงแค่ได้กินเหยื่อและกินเลือดของเหยื่อก็เพียงพอแก่การดำรงชีวิตโดยที่ไม่ต้องกินน้ำแต่อย่างใด
ในช่วงเวลากลางวันที่อากาศร้อนระอุ พวกเขาจะอาศัยหลบแดดอยู่บริเวณหลืบหิน พอตกเย็นที่อากาศเริ่มเย็นก็จะออกมาหากินอีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็จะพักผ่อนจนตอนเช้าที่อากาศยังไม่ร้อนมาก พวกเขาก็จะหากินอีกครั้งหนึ่ง
ถึงแม้ว่าขนาดตัวของคาราคัลอาจจะไม่ได้ใหญ่มากมาย หากเทียบกับบรรดาสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติในป่า แต่ถึงอย่างนั้นตัวผู้ก็มีอาณาเขตในการล่าสัตว์กว้างกว่า 65 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว ส่วนตัวเมียนั้นจะใช้พื้นที่ในการหากินอยู่ที่ประมาณ 31 ตารางกิโลเมตร
ในแต่ละวันพวกเขาจะเดินทางตั้งแต่ 10 กิโลเมตรขึ้นไป นอกจากจะเดินเก่งแล้วยังเป็นสัตว์ที่ล่าเก่งอีกด้วย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถเอาชีวิตรอดท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายอย่างทะเลทรายได้เป็นอย่างดี
อาหารของพวกเขานั้นก็จะมีตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างเช่น กระรอกดิน เจอร์บัว กระต่าย สัตว์เลื้อยคลาน ไปจนถึงงูพิษเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถกินนกได้อีกด้วย เพราะพวกเขากระโดดเก่งเป็นอย่างมาก ซึ่งคาราคัลสามารถกระโดดจากพื้นได้สูงหลายฟุต จนทำให้สามารถจับนกมาเป็นอาหารได้เลยทีเดียว
มนุษย์ ศัตรูตามธรรมชาติของคาราคัล
ถึงแม้ว่าหลายคนจะมองว่าคาราคัลเป็นสัตว์นักล่าที่ดุร้ายและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงมีศัตรูตามธรรมชาติอยู่ดี แต่ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดสำหรับพวกเขานั้นกลับเป็นมนุษย์อย่างเรา พวกเขามักถูกมนุษย์ฆ่าเพราะพวกเขานั้นดันไปฆ่าสัตว์ในฟาร์มของบรรดาชาวบ้านทั้งหลาย
ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงโดยเฉพาะในแถบนามิเบียและทวีปแอฟริกาใต้ จนถึงขั้นที่มีการควบคุมจำนวนพวกเขาในบางพื้นที่เลยทีเดียว มีรายงานระบุออกมาว่าพวกเขานั้นถูกฆ่าตายอย่างน้อย 2,200 ตัวต่อปี ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกลุ่มนักล่าที่ออกล่าพวกเขาอย่างน้อย 1 ตัวต่อ 10 ตารางกิโลเมตรอีกด้วย
ถึงแม้ว่าคาราคัลจะไม่ได้มีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ แต่พวกเขานั้นก็เป็นสัตว์สายพันธุ์หนึ่งที่มีมนุษย์เป็นภัยคุกคามมากที่สุด บางคนล่าพวกเขาไปเพราะอยากจะนำเอาเนื้อไปทำเมนูพิสดาร บางคนก็ล่าเพื่อเอาหนังไปใช้ประดับตกแต่งบ้านหรือเป็นของสวย ๆ งาม ๆ ในทางแฟชั่น
พวกเขานั้นถูกมนุษย์รุกล้ำพื้นที่หากินและอยู่อาศัย เหยื่อของพวกเขานั้นก็ถูกมนุษย์กำจัดออกไปด้วย มันเลยทำให้พวกเขายิ่งมีชีวิตอยู่ได้ยากมากขึ้นกว่าเดิมในธรรมชาติ
โชคดีที่พวกเขานั้นยังไม่มีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ ถึงแม้ว่าในบางทวีปอย่างเช่นแอฟริกาหรือเอเชีย พวกเขาจะมีจำนวนที่น้องลงก็ตาม แต่ในบริเวณแอฟริกาใต้นั้นก็ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ปัจจุบันคาราคัลในบางพื้นที่นั้นถูกจำกัดให้ไม่สามารถล่าได้ อย่างเช่นในไนจีเรีย อินเดีย ตุรกี หรือคาซัคสถาน และในบางประเทศก็ยังไม่มีการคุ้มครอง
ปัจจุบันในแอฟริกาพวกเขาถูกขึ้นบัญชีหมายเลข 2 ในบัญชีไซเตส ส่วนในเอเชียนั้นอยู่ในบัญชีหมายเลข 1 หากคุณอยากเลี้ยงพวกเขาก็สามารถเลี้ยงได้ในบ้านธรรมดาทั่วไป โดยที่ไม่ต้องจดทะเบียนเป็นสวนสัตว์ แต่ก็ต้องมีการทำเรื่องขออนุญาตและจัดการเอกสารให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าผิดกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me