สัตว์ปีกพื้นบ้านอย่างเจ้า “ไก่แจ้” ไม่มีใครที่ไม่รู้จักสัตว์ปีกชนิดนี้ ถ้าหากบ้านใดเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ โดยส่วนมากแล้วจะต้องมีไก่แจ้รวมอยู่ด้วย ซึ่งไก่ชนิดนี้สืบทอดสายพันธุ์มาจากไก่ป่าเหมือนไก่สายพันธุ์อื่น ๆ เป็นไก่มีหลากหลายสายพันธุ์ และมีหลายสี มีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ และวันนี้เรา Animal kingdom จะพาไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าไก่ชนิดนี้กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย
ข้อมูลทั่วไปของไก่แจ้
ไก่แจ้เป็นสัตว์ปีกพื้นบ้านของไทยเรา โดยเราจะเห็นว่าสัตว์ปีกพวกนี้อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ถือว่าเป็นไก่พื้นบ้านอีกสายพันธุ์หนึ่งของไทย ในแถบอเมริกาและแถบยุโรปจะเรียกไก่แจ้ว่า “แจแปนนีสแบนตั้ม” โดยชื่อนี้เป็นการเรียกเพื่อให้เกียรติแก่ชาวญี่ปุ่น เพราะเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์ของสัตว์ปีกนี้ให้มีรูปทรงที่สวยงาม แต่ไทยนั้นยังไม่มีการสนใจเรื่องนี้มากนัก จนประมาณ 30 ปีผ่านมา ประเทศไทยเริ่มจึงเริ่มสนใจที่จะพัฒนาสายพันธุ์ให้ตรงตามหลักสากล โดยการซื้อสายพันธุ์ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นมาผสมกับสายพันธุ์ไทย จากการพัฒนาแบบต่อเนื่องทำให้ไก่สายพันธุ์นี้ของไทยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมากขึ้น
ลักษณะรูปร่างของไก่แจ้
โดยปกติทั่วไปจะมีลักษณะกลมและป้อม โดยหงอนและเหนียงจะเป็นสีแดง ซึ่งสีขน, สีขา, สีตา ของสัตว์ปีกชนิดนี้จะมีลักษณะสีที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ประเภท ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 16 ประเภท สีขนของสัตว์ปีกชนิดนี้จะมีตั้งแต่สีขาว, ดำ, น้ำตาล, ทอง, สีลายสร้อยเงิน, สีขนแกะ, สีลายดอกหมาก ส่วนสีตานั้นจะมีตั้งแต่สีแดง, น้ำตาล, ดำสนิท, สีแดงปนส้ม ส่วนขานั้นจะทั้งสีเหลือง, ดำและน้ำตาล
มีกี่สายพันธุ์
ไก่แจ้นั้นแบ่งออกได้เป็น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ไทยและสายพันธุ์ญี่ปุ่น
สายพันธุ์ไทย ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดแต่เชื่อว่าไก่แจ้ไทยมีมาตั้งแต่อดีตกาลเพราะไก่ที่เราเลี้ยงในปัจจุบันนั้นมีการวิวัฒนาการมาจากไก่ป่าทั้ง 4 สายพันธุ์ โดยจะมีไก่ป่าสีเทา ไก่ป่าแดง ไก่ป่าซีลอน ไก่ป่าชวา ซึ่ง 4 สายพันธุ์นี้เป็นต้นกำเนิดของไก่ทั้งหมดที่เราเลี้ยงในปัจจุบันทั่วโลก
สายพันธุ์ญี่ปุ่น ตามประวัติศาสตร์แล้วญี่ปุ่นได้นำไก่แจ้มาจากทางตอนใต้ของประเทศจีนมาพัฒนาสายพันธุ์ให้มีรูปทรงสวยงาม ซึ่งได้นำไปเลี้ยงในประเทศอเมริกาและอังกฤษช่วงประมาณปี พ.ศ.2367 ในปัจจุบันเป็นสายพันธุ์ที่นิยมนำมาเลี้ยงในไทยเป็นส่วนมาก มีราคาที่แพง สัตว์ปีกประเภทนี้เป็นอีกประเภทหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่า