ปลากะตัก ปลาขนาดเล็กที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในท้องทะเล แถมยังเป็นปลาที่นิยมนำมาหมักทำน้ำปลา ให้เราได้ซื้อหามาปรุงอาหาร นอกจากนี้ยังนิยมนำไปทำเป็นปลาตากแห้ง ปลากรอบ และอื่น ๆ อีกมากมาย พวกมันจะมีลักษณะเป็นอย่างไร วันนี้ Animal kingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับปลาเศรษฐกิจชนิดนี้กันค่ะ ไปติดตามกันได้เลย
ข้อมูลทั่วไป
ปลากะตัก หรือปลาไส้ตัน เป็นปลาทะเลที่มีขนาดเล็กสกุลหนึ่ง โดยสัตว์น้ำชนิดนี้จะใช้ชื่อสกุลว่า Stolephorus และจัดอยู่ในวงศ์ Engraulidae พวกมันมีชื่อเรียกอยู่ด้วยกันหลาย อย่างเช่น ปลาหัวอ่อน ปลามะลิ ปลาจิ้งจั๊ง ปลาเส้นขนมจีน ปลาเก๋ย ปลากล้วย ปลาหัวไม้ขีด ปลายู๋เกี้ย เป็นต้น นอกจากนี้การที่สัตว์น้ำชนิดนี้ถูกนำมาตากแห้ง ทำให้มันถูกเรียกว่า ปลาข้าวสาร ที่คนมักจะนิยมนำมารับประทานแกล้มกับอาหารชนิดอื่นๆ เช่น ส้มตำ ที่เราเห็นกันอยู่บ่อย ๆ
ลักษณะทั่วไปของปลากะตักหรือปลาไส้ตัน
ปลากะตักเป็นปลาผิวน้ำขนาดเล็ก ซึ่งพวกมันมักจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีลักษณะลำตัวที่เรียวยาว และมีลักษณะแบนข้าง มีสันหนามอยู่ที่ท้อง ขากรรไกรบนจะยาวเลยขึ้นมาบนหลังตา มีครีบหลังอยู่ตอนเดียว ครีบหางเว้าลึก และตามลำตัวจะมีแถบสีน้ำเงินพาดยาวไปตามแนวความยาวของลำตัว ส่วนสายพันธุ์ที่อยู่ในประเทศไทยจะมีขนาดเล็กกว่าที่อยู่ประเทศอื่น โดยจะมีขนาดตัวเฉลี่ยอยู่ประมาณ 2-5 เซนติเมตร ส่วนอายุขัยจะประมาณ 3 ปี ปกติแล้วพวกมันจะอยู่ห่างจากชายฝั่งราว 0.5-1.5 ไมล์ทะเล ตามบริเวณชายฝั่งของหมู่เกาะต่าง ๆ
อาหาร
พวกมันจะกินพวกแพลงก์ตอนต่าง ๆ เป็นอาหาร ทั้งแพลงก์ตอนสัตว์อย่างตัวอ่อนของโคพีพอด ครัสเตเชียน และไข่ของหอยสองฝา เป็นต้น ส่วนแพลงก์ตอนพืชจะกินพวก ไดอะตอม แถมสัตว์น้ำชนิดนี้ยังเป็นห่วงโซ่อาหารที่สำคัญของสัตว์น้ำขนาดใหญ่ อย่างเช่น สิงโตทะเล วาฬ แมวน้ำ โลมา และฉลาม
การกระจายพันธุ์
สามารถพบปลาไส้ตันกระจายพันธุ์อยู่ตามเขตน่านน้ำของไทยได้ทั้งหมด 11 ชนิด และอยู่ในน่านน้ำของอินโด-แปซิฟิก จากการศึกษาในช่วงปี ค.ศ.1985 จากที่มีทั้งหมด 20 ชนิด แต่เดิมมีอยู่ 18 ชนิด ซึ่งปลากะตักเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับมนุษย์ เพราะพวกมันสามารถนำไปแปรรูปต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น ปลาป่น น้ำปลา บูดู ปลาแห้ง รวมถึงการบริโภคสดอีกด้วย
ข้อแนะนำการรับประทาน
1. การทานแบบกระป๋อง หรือที่เรียกว่า ปลาแอนโชวี่กระป๋อง ควรเลือกชนิดที่อยู่ในน้ำมันปลาหรือในน้ำมันมะกอก เนื่องจากชนิดที่อยู่ในน้ำมัน จะมีปริมาณของคอเลสเตอรอล ไขมันและโซเดียม ในระดับสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
2. การเลือกซื้อปลาสดมาปรุงอาหาร สามารถเก็บในตู้เย็นเพื่อรักษาความสดไว้ได้ประมาณ 2 วัน หากนานกว่านั้น ควรแช่ในช่องแช่แข็ง ซึ่งควรห่อด้วยกระดาษห่อสำหรับช่องแช่แข็งโดยเฉพาะ
ปลาชนิดนี้เป็นปลาทะเลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยลดระดับความดันโลหิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอดี และต้องเลือกประเภทให้ถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด