ย้อนกลับไปสมัยที่เรายังเป็นเด็ก เมื่อได้ยินชื่อของแมวน้ำ เชื่อว่าหลายคนจะต้องจินตนาการถึงแมวที่อยู่ในน้ำอย่างแน่นอน แต่ความจริงแล้วพวกเขามีลักษณะเชิงกายภาพที่แตกต่างจากแมวบ้านอย่างสิ้นเชิง และพวกเขาก็ไม่ใช่ปลาด้วย ทำไมพวกเขาจึงสามารถอาศัยอยู่ในน้ำได้ และความจริงแล้วพวกเขามีกี่ประเภทกันแน่ วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับแมวน้ำ ถึงชื่อเป็นแมวแต่ไม่ใช่แมว
ถึงแมวน้ำจะมีชื่อเรียกเหมือนสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่เราคุ้นเคยกันดี แต่พวกเขาก็แตกต่างจากแมวธรรมดาทั่วไปที่อาศัยอยู่บนบกอย่างสิ้นเชิง เพราะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์นี้อาศัยอยู่ในท้องทะเลเป็นหลัก ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำ แม้ว่าจะมีบางเวลาที่โผล่ขึ้นน้ำมาอยู่บนบกบ้างก็ตามที
เนื่องจากเป็นสัตว์เลือดอุ่น แมวน้ำจึงสามารถอาศัยอยู่ใต้ทะเลได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิมากมายนัก ประกอบกับการที่พวกเขามีชั้นไขมันที่ค่อนข้างหนา คอยทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากความเย็นของน้ำได้ ทำให้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
แมวน้ำเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถือว่ามีขนาดตัวใหญ่โตเป็นอย่างมาก บริเวณส่วนหัวจะดูกลมมน จมูกและปากจะยื่นยาวออกมาเล็กน้อยในทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ไม่กลมหรือแหลมจนเกินไป ดวงตากลมโตสีดำคลับ บริเวณใต้จมูกมีหนวดยื่นยาวออกมา
ลำตัวเป็นทรงกระบอกคล้ายกับตอปิโด มีครีบ 2 ข้างบริเวณข้างลำตัวเหมือนกับแขน มีครีบหางเหมือนกับปลา ว่ากันว่าแมวน้ำเป็นต้นแบบของนางเงือกตามความเชื่อในสมัยก่อนอีกด้วย
นอกจากจะมีแมวน้ำตามลักษณะที่เรากล่าวมาข้างต้นแล้ว ความจริงเรายังสามารถแบ่งรูปแบบของพวกเขาออกได้ถึง 3 ประเภทเลยทีเดียว ประกอบไปด้วย แบบธรรมดาทั่วไป แบบมีหู และตัววอลรัส เมื่อตอนแรกเกิดพวกเขาจะมีขนปกคลุมร่างกายดูปุกปุยน่ารัก
แต่เมื่อโตเต็มวัยขนเหล่านั้นก็จะสั้นเตียนหรือหายไปเลยในบางสายพันธุ์ ขนาดตัวตามธรรมชาติของตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมีย น้ำหนักตัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 250 กิโลกรัม มีความยาวลำตัวได้สูงถึง 2 เมตร ในขณะที่ตัวเมียจะมีน้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัมและความยาวเพียง 1.5 เมตรเท่านั้น
เห็นหน้าตาน่ารักน่ากอดแบบนี้ ความจริงแล้วแมวน้ำจัดเป็นสัตว์นักล่าเช่นกัน เพราะพวกเขาเป็นสัตว์กินเนื้อที่ต้องล่าปลาตัวเล็กตัวน้อยหรือสัตว์ที่อยู่ในท้องทะเลกินเป็นอาหาร สามารถกินได้ทั้งปลาหมึกขนาดเล็กและหอย
ที่สำคัญพวกเขายังมีความสามารถในการเลี้ยงอาหารหรือการทำปศุสัตว์เหมือนกับมนุษย์อีกด้วย เพียงแต่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ว่าพวกเขาทำอย่างไร
เปิดความแตกต่างของแมวน้ำแต่ละประเภท
อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่าสัตว์ที่อยู่ในกลุ่มแมวน้ำสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน หลายคนคงสงสัยไม่น้อยเลยทีเดียวว่า แล้วแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร เราเลยจะพาทุกคนไปจำแนกประเภทของเจ้าสัตว์สุดน่ารักสายพันธุ์นี้แบบง่าย ๆ กัน
แมวน้ำแท้
เป็นสายพันธุ์แท้ดั้งเดิมที่ลักษณะของพวกเขาจะต้องไม่มีใบหูยื่นออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีหูแต่อย่างใด พวกเขายังมีรูสำหรับการรับเสียง ส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่ในบริเวณขั้วโลกอากาศหนาวเย็น หรือบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ สายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดคือ แมวน้ำช้าง พวกเขาจะมีจมูกที่ยาวออกมาคล้ายกับงวงช้าง แถมยังมีน้ำหนักสูงสุดกว่า 3 ตันอีกต่างหาก
แมวน้ำมีหู
บางคนก็เรียกว่าสิงโตทะเล ลักษณะที่โดดเด่นของพวกเขาก็คือจะมีใบหูแต่ขนาดเล็กจิ๋วงอกออกมาบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง พวกเขายังสามารถใช้ครีบของตัวเองคลานไปมาบนบกได้อย่างสะดวกสบายกว่าประเภทอื่นอีกด้วย ส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ มหาสมุทรอินเดียใต้ และมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
วอลรัส
เป็นสายพันธุ์ที่สามารถจำแนกได้ง่ายที่สุด เพราะพวกเขาจะมีเขี้ยวที่ยื่นยาวออกมาจากปากจนเกือบจะถึงพื้นเลยทีเดียว ที่สำคัญตามร่างกายยังไม่ค่อยมีขน ผิวหนังของพวกเขาจึงเหี่ยวย่นเหมือนกับเวลาผิวหนังของเราที่โดนน้ำติดต่อกันเป็นเวลานาน ที่สำคัญพวกเขายังมีขนาดตัวที่ใหญ่โต สามารถมีน้ำหนักได้ถึง 2 ตันเลยทีเดียว
แมวน้ำ สัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากมนุษย์จนเสี่ยงสูญพันธุ์
แมวน้ำ จัดเป็นสัตว์อีกสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมมนุษย์อย่างหนัก จนทำให้พวกเขากลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เมื่อไม่นานมานี้ประเทศรัสเซียได้ออกมารายงานว่า พบแมวน้ำจำนวนกว่า 2,500 ตัว ขึ้นมานอนตายเกยตื้นบริเวณชายฝั่งทะเลแคสเปียน ถือเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก
เพราะพวกเขาเป็นสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์และถูกบรรจุชื่ออยู่ในบัญชีแดงภายใต้การดูแลขององค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งในภายหลังมีการระบุว่า พวกเขาตายด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่พบว่ามีหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าพวกเขาเสียชีวิตจากสาเหตุใด
แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่า สัตว์ทั่วทั้งโลกโดยเฉพาะสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเล ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำมือมนุษย์อย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิจากสภาวะเรือนกระจก อุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้สัตว์แถบขั้วโลกพบวิกฤตเรื่องที่อยู่อาศัยและปริมาณอาหารที่น้อยลงกว่าเดิม
ยังไม่รวมถึงสิ่งสกปรกในทะเลที่รบกวนการดำรงชีวิตของพวกเขา และที่ร้ายแรงที่สุดก็คือการทำประมงที่ส่งผลให้สัตว์ทะเลที่ไม่เกี่ยวข้อง ต้องเสียชีวิตลงอย่างน่าสงสารจำนวนนับล้านตัวต่อปี
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me