เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า ผู้คนจะหวาดกลัวสัตว์ที่มีขนาดตัวจิ๋วหลิว มากกว่าสัตว์ที่มีขนาดตัวใหญ่เสียอีก หากเทียบจำนวนคนที่เกลียดหนูท่อที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ กับคนที่กลัวช้างแล้ว คนที่รู้สึกหวาดกลัวหนูที่อาศัยอยู่ตามท่อ ดูเหมือนจะเยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
นั่นก็เป็นเพราะว่า พวกเขามีรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แถมยังขึ้นชื่อเรื่องความสกปรกอีกต่างหาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราแทบจะไม่รู้จักพวกเขาเลยด้วยซ้ำไป หากไม่ได้มีโอกาสพิเศษที่จะต้องค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาโดยเฉพาะ
และในวันนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นกันว่าความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดถึงขนาดนั้น
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับหนูท่อ สัตว์ตัวจิ๋วที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาหนูธรรมดา
หนูท่อที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ มีอีกหลายชื่อเรียกเลยทีเดียวอย่างเช่น หนูนอร์เวย์ หนูขยะ หนูสีน้ำตาล พวกเขานั้นอาจเป็นสัตว์ตัวเล็ก แต่ความจริงแล้วพวกเขามีขนาดใหญ่มากที่สุดในตระกูลเดียวกันเลยทีเดียว
บางตัวสามารถมีน้ำหนักได้มากกว่า 3.5 กรัม ขนาดตัวหากวัดตั้งแต่หัวไปจนถึงก้นจะอยู่ที่ประมาณ 25 เซนติเมตร ยังไม่รวมความยาวของหางที่สามารถยาวได้ถึง 22 เซนติเมตรเลยทีเดียว บางครั้งหากเห็นในตอนกลางคืนแวบไปแวบมา เราอาจจะเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นแมวก็ได้ ด้วยขนาดตัวที่ไม่เล็กเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ ที่ผู้คนจะรู้สึกหวาดกลัวพวกเขา แบบแค่เห็นก็ต้องกรีดร้องออกมา พวกเขามีหัวขนาดเล็กแต่จมูกยื่นยาวออกมา มีปากอยู่ด้านล่างจมูกพร้อมกับฟันที่แหลมคม ถึงขั้นที่สามารถแทะซีเมนต์หรือกัดเหล็กเส้นบาง ๆ ขาดได้เลยทีเดียว
หูของพวกเขาจะเป็นสีเนื้อไม่มีขน กางขึ้นมาด้านบน เป็นลักษณะทรงกลม ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีลำตัวอวบอ้วน ขาหน้าทั้งสองข้างจะยืดยาวสามารถใช้ในการจับสิ่งของได้ ในขณะที่ขาหลังจะค่อนข้างโค้งงอแต่ก็มีพลัง ช่วยให้พวกเขาสามารถยืน 2 เท้าได้ในบางครั้งอย่างเช่น การเอื้อมขึ้นที่สูง
ขนของพวกเขาจะยาวออกจากตัวเล็กน้อย สีน้ำตาลปนเทาและมีความหยาบแข็ง ท้องเป็นสีเทาอ่อนกว่าขนบริเวณลำตัว หางของพวกเขาจะไม่มีขนและมีเกล็ดแข็งปกคลุมอยู่ แถมมันยังเป็นส่วนที่ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุดอีกด้วย
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์นี้ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะมีเต้านม 6 คู่ ประกอบไปด้วยบนหน้าอก 3 คู่และบนท้องอีก 3 คู่ ที่อยู่อาศัยของพวกเขาจะอยู่ตามสถานที่สกปรกที่มีเศษอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศของพวกเขา ไม่ต่างจากภัตตาคารอย่างเช่น ในท่อระบายน้ำ ตามรูในบ้านเรือน ใต้ถุนบ้าน บริเวณใกล้กับลำคลอง บริเวณที่ทิ้งขยะมูลฝอย
พวกเขาไม่ชอบการขึ้นที่สูงสักเท่าไหร่ ดังนั้นหากคุณอยู่บนคอนโดมิเนียมชั้นบน โอกาสที่จะได้เจอพวกเขาก็จะน้อยลงกว่าเดิม อาหารที่สัตว์เหล่านี้กินเข้าไปและทำให้พวกมันยิ่งน่าหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิมก็คือ อาหารบูดเน่านั่นเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหากเลือกได้ พวกเขาก็คงอยากจะกินอาหารธรรมดาทั่วไป เพียงแต่วิถีชีวิตความเป็นอยู่ท่ามกลางสังคมเมืองของมนุษย์ ทำให้พวกเขาต้องหาอาหารเป็นของบูดเน่าแทน
พวกเขาสามารถกินได้ทั้งแป้ง พืช และสัตว์อย่างเช่น เศษผัก เศษเนื้อ เป็นต้น ในปีหนึ่ง ๆ นั้น พวกเขาจะสามารถออกลูกได้ตั้งแต่ 4 ถึง 7 คอกเลยทีเดียว ลูกแต่ละคอกนั้นก็สามารถมีจำนวนสูงสุดได้ถึง 12 ตัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เราสามารถพบเห็นพวกเขาได้ทั่วไป เพราะพวกเขาขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
เฉลี่ยแล้วใน 1 ปี พวกเขาสามารถออกลูกได้สูงสุดกว่า 84 ตัว จากแม่แค่ตัวเดียว พวกเขานั้นจะมีระยะทางในการออกหากินไม่เกิน 300 ฟุต ซึ่งนับว่าเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลเลยทีเดียว หากเทียบกับหนูสายพันธุ์อื่น
วงจรชีวิตของพวกเขา จะสามารถตั้งท้องได้ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น หลังจากผสมพันธุ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะใช้เวลาในการตั้งท้องประมาณ 22 วัน หากตัวแม่มีลูกบ่อยครั้งแบบไม่ได้หยุดพัก ช่วงหลังก็อาจจะท้องนานขึ้นประมาณ 29 วัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นระยะเวลาการตั้งท้องที่ค่อนข้างสั้นอยู่ดี หากเทียบกับสัตว์สายพันธุ์อื่น อายุเฉลี่ยของพวกเขานั้นจะอยู่ที่ประมาณ 2 ปี
ถึงจะน่ากลัวแต่ความเป็นจริงแล้ว พวกเขาฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมาก มีความสามารถในการปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมได้อย่างง่ายดาย มักอยู่รวมกันเป็นฝูงโดยมีหัวหน้า ที่ทำหน้าที่ออกเดินทางสำรวจบริเวณโดยรอบเพื่อหาอาหาร ตัวเมียหากลูกโตในระดับหนึ่ง ก็จะพาลูกไปออกหากิน เพื่อสอนให้ลูกรู้จักวิธีการหาอาหารอย่างไรให้ปลอดภัย หลังจากลูกหนูอายุ 3 เดือน พวกเขาก็มักจะแยกออกมาอยู่ตามลำพัง
กาฬโรค โรคติดต่อร้ายแรงที่มีหนูท่อเป็นพาหะ
สิ่งที่ทำให้หนูท่อมีความน่ากลัวมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกหรือความสกปรกของพวกเขาก็คือ การเป็นพาหะนำโรคอันตรายนั่นเอง และหนึ่งในโรคที่เคยคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วนักต่อนักก็คือ กาฬโรค ซึ่งสาเหตุเกิดมาจากแบคทีเรียตัวหนึ่ง ที่ความจริงแล้วตัวร้ายที่เป็นพาหะนั้นคือ หมัดของพวกหนู
ตัวหมัดเหล่านี้จะไปกัดเลือดหนูและทำให้หนูติดเชื้อ เมื่อหนูที่ติดเชื้อออกเดินทางไปหากินหรือกัดคนอื่น ก็จะทำให้โรคดังกล่าวแพร่กระจายมาสู่มนุษย์ได้อย่างง่ายดาย ส่วนใหญ่แล้วโรคดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว หรือบริเวณที่มีการอาศัยอยู่อย่างแออัด ไม่ได้ดูแลเรื่องความสะอาด รวมไปถึงการควบคุมปริมาณของหนู ปัจจุบันโรคดังกล่าวหาได้ยากแล้ว แต่ก็ยังคงมีผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน