ขนเป็นเส้นบาง ๆ ที่ขึ้นอยู่ตามลำตัวของสัตว์เลือดอุ่นบนโลกใบนี้ มันทำหน้าที่หลายอย่าง โดยเฉพาะการปกป้องผิวหนังที่บอบบาง แต่เม่นเป็นสัตว์ที่มีขนแปลกที่สุดจากบรรดาสัตว์เลือดอุ่นทุกตัว เพราะเส้นขนของพวกเขาดันมีความแหลมคมเหมือนกับหนามเสียอย่างนั้น ทำให้พวกเขามีความอันตรายเป็นอย่างมาก แม้แต่มนุษย์ที่โดนทิ่มแทงก็รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างแสนสาหัสเช่นกัน และคุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมพวกเขาจึงเป็นสายพันธุ์เดียวบนโลกที่ขนเป็นหนาม พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร เราจะหาทุกคนไปหาคำตอบกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เม่นคือตัวอะไร เพราะเหตุใดขนจึงเป็นหนาม
เม่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสัตว์ฟันแทะ ขนาดตัวของพวกเขาตามธรรมชาติถือว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ในระดับกลางหรือค่อนไปทางใหญ่ด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวเล็กน่ารักที่นิยมเลี้ยงกันในฐานะสัตว์เลี้ยง Exotic ตามบ้านผู้คนในยุคปัจจุบันเป็นสายพันธุ์แคระที่ขนาดตัวเล็กน่ารัก
เนื่องจากได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มา ให้เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราสามารถแบ่งเม่นออกได้เป็น 2 วงศ์ ประกอบไปด้วยวงศ์โลกเก่าที่จะพบอยู่ในซีกโลกเก่า และวงศ์โลกใหม่ที่จะพบอยู่ในซีกโลกใหม่นั่นเอง ลักษณะของแต่ละวงศ์ในแต่ละสายพันธุ์จึงจะมีความแตกต่างกันออกไปด้วย
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากที่สุดสำหรับสัตว์ชนิดนี้ก็คือ การมีขนเป็นหนามแหลมนั่นเอง มันได้รับการวิวัฒนาการมาเพื่อใช้ในการป้องกันตัว เนื่องจากพวกเขาเป็นสัตว์กินพืช ซึ่งถือว่าเป็นเหยื่ออันโอชะของพวกสัตว์นักล่าทั้งหลาย
หากไม่มีอะไรที่ช่วยปกป้องให้ปลอดภัยจากเหล่านักล่า เม่นคงจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เพราะถึงแม้ว่าจะมีขนาดตัวใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถสู้กับแรงหรือความเร็วของนักล่าได้อยู่ดี พวกเขากระจายสายพันธุ์ตามเขตอบอุ่นและเขตร้อนทั่วโลก พบได้ทั้งในทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และแอฟริกา
เปิดสายพันธุ์เม่นที่สามารถพบได้ในประเทศไทย
อย่างที่เรากล่าวไปว่า เม่นเป็นสัตว์ที่สามารถพบได้ในทวีปเอเชีย ในประเทศไทยของเราจึงมีพวกเขาอาศัยอยู่ตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน โดยเป็นวงศ์โลกเก่า มีอยู่ทั้งหมด 2 สายพันธุ์ ดังนี้
สายพันธุ์ใหญ่แผงคอยาว
เป็นเม่นที่มีขนาดตัวยาวประมาณ 70 เซนติเมตร น้ำหนักตัวสูงสุดถึง 7 กิโลกรัม หัวเล็ก มีหนวดยาวสีดำ จมูกเป็นป้าน บริเวณลำตัวจะมีขนแข็งสีดำสั้น ๆ และมีขนอ่อนบริเวณใต้ลำคอกับท้องเป็นสีขาว ดวงตาและหูมีขนาดเล็กจิ๋ว
พวกเขาหากินตอนกลางคืนตามลำพัง เป็นสัตว์ที่รักสงบและชอบความสันโดษ สถานที่หลบภัยของพวกเขาก็คือตามโพรงใต้ดินหรือในโพรงไม้ อาหารที่กินมีทั้งผัก ผลไม้ รวมไปถึงกระดูกสัตว์ เมื่อโตเต็มวัยอายุครบ 2 ปีก็สามารถผสมพันธุ์ได้
เม่นจะตั้งท้องเป็นเวลา 4 เดือน ก่อนจะตกลูกประมาณครั้งละ 1-3 ตัวในที่อยู่อาศัย แรกเกิดขนจะอ่อนนุ่มทั้งลำตัว แต่เมื่อสัมผัสกับอากาศภายนอกแล้วขนก็จะแข็งขึ้นมา อายุเฉลี่ยประมาณ 20 ปี สามารถพบได้ทั่วไปในแถบภาคใต้ รวมไปถึงในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย
สายพันธุ์หางพวง
เม่นสายพันธุ์นี้จะมีขนาดตัวเล็กลงมา ความยาวลำตัวประมาณ 50 เซนติเมตร น้ำหนักตัวไม่เกิน 5 กิโลกรัม ขนของพวกเขาจะแข็งทั้งลำตัว บางส่วนนอกจากจะแข็งแล้วยังมีปลายที่แหลมเป็นหนามอีกด้วย ขนที่ยาวที่สุดของพวกเขาจะอยู่บริเวณกลางหลัง
หางไม่มีขนแต่ลักษณะคล้ายกับเกล็ดปลา เล็บเท้ายาวเหยียดแถมยังแข็งแรงเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้รับการวิวัฒนาการมาสำหรับพฤติกรรมอย่างการขุดดินโดยเฉพาะ พวกเขาจึงอยู่อาศัยในโพรงดินหรือไม่ก็ตามรากของต้นไม้ขนาดใหญ่
พวกเขาออกหากินตอนกลางคืนเป็นฝูง สามารถตกลูกได้ตั้งแต่ครั้งละ 3 ตัวถึง 5 ตัว เป็นสายพันธุ์ที่พบได้ทุกภาคในประเทศไทย และยังพบได้ทั้งในประเทศกัมพูชา ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และทางตอนใต้ของประเทศจีน
พฤติกรรมของเม่นเวลาเจอศัตรู
หลายคนเข้าใจว่า เวลาที่เม่นเจอกับศัตรู สิ่งที่พวกเขาจะทำคือ การสะบัดขนที่เป็นหนามแหลมเหมือนกับเข็มนับพันเล่มใส่ศัตรู แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้ทำแบบนั้น เวลาที่พบกับศัตรูในธรรมชาติ สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำก็คือการหันหลังแล้วใส่ตีนผีวิ่งให้เร็วที่สุด
ระหว่างนั้นก็จะสั่นขนไปมา จนทำให้เกิดเสียงกระทบกันของขนที่เป็นหนามแข็งดังออกมา เพื่อเตือนศัตรูว่าอย่ามาเข้าใกล้ แต่ถ้าศัตรูตัวนั้นยังคงดื้อแพ่งวิ่งไล่ตามอยู่อย่างนั้น สิ่งที่พวกเขาจะทำก็คือ การหยุดอยู่กับที่แล้วพองขนให้ตั้งชั้นขึ้นมา
จากนั้นก็จะใส่เกียร์ R วิ่งถอยหลังใส่ศัตรู ถ้าศัตรูที่กำลังวิ่งตามพวกเขามาเร่งความเร็วจนมิดไมล์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ การเบรกไม่ทันและทำให้โดนขนของพวกเขาทิ่มไปตามลำตัวในที่สุด
แต่ไม่ต้องกังวลว่ามันจะเป็นการทำให้เจ้าสัตว์ตัวเล็กไปติดอยู่กับสัตว์นักล่า เพราะขนของพวกเขาหลุดออกจากตัวอย่างง่ายดาย ที่สำคัญมันร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง เพราะขนเหล่านี้จะติดตัวศัตรูไปเรื่อย ๆ และอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว
รู้หรือไม่ เม่นมีสรรพคุณทางยาด้วย
เชื่อว่าหลายคนคงไม่ทราบอย่างแน่นอนว่าเม่นมีสรรพคุณทางยาด้วย พวกเขาจัดเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ไม่ได้มาจากพืชหรือแร่ธาตุ แต่มาจากสัตว์ ขนของพวกเขาหากนำเอาไปสุมไฟจนไหม้ สามารถใช้เป็นยาแก้พิษกาฬ รักษาไข้ อาการเซื่องซึม หรือแม้แต่โรคตาลซางขโมยได้อีกด้วย
กระเพาะของพวกเขาหากนำเอามาปรุงยา สามารถใช้เป็นยาบำรุงน้ำดี ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมขนของพวกเขายังสามารถใช้มาปรุงเป็นยาทาตัวเด็กได้อีกด้วย ช่วยแก้อาการเจ็บป่วยได้ดี
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me