หากพูดถึงสัตว์ที่มีขนาดตัวใหญ่โตมากที่สุดในโลก เชื่อว่าทุกคนจะต้องนึกถึงช้างอย่างแน่นอน เพราะในบรรดาสัตว์บกทั้งหลาย คงไม่มีสายพันธุ์ไหนที่จะมีขนาดตัวใหญ่โตได้เทียบเท่ากับพวกเขาอีกแล้ว แต่ถึงแม้ว่าจะมีขนาดตัวใหญ่มากแค่ไหน ความจริงแล้วพวกเขาก็เหมือนกับยักษ์ใหญ่ใจดีที่เป็นมิตรกับทุกคน ภาพลักษณ์ที่ดูน่ารักน่าชังขัดกับขนาดตัวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หลายคนชื่นชอบพวกเขาเป็นอย่างมาก วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับช้าง สัตว์ไร้พิษภัยที่แทบจะไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ
ช้าง จัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดตัวใหญ่โตเป็นอย่างมาก ลักษณะของพวกเขาก็เหมือนกับสัตว์สี่เท้าธรรมดาทั่วไป เพียงแต่มีขนาดตัวที่ใหญ่โตอย่างน่าเหลือ มีอวัยวะพิเศษที่เรียกว่างวง มันเป็นการรวมกันระหว่างจมูกและริมฝีปากด้านบนที่ยืดยาวออกมา ได้รับการวิวัฒนาการมาเพื่อใช้งานที่หลากหลาย
ช้างสามารถควบคุมงวงให้ทำสิ่งต่างๆ ได้ไม่แตกต่างอะไรจากที่มนุษย์ใช้มือ มันแข็งแรงถึงขั้นที่สามารถหักกิ่งไม้ได้ ยกของที่มีน้ำหนักมากได้กว่า 250 กิโลกรัม แม้ว่ามันจะเป็นเนื้อเยื่อที่มีความละเอียดอ่อนมากที่สุดในร่างกายของพวกเขาก็ตาม
ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเป็นจมูกที่สามารถรับกลิ่นได้อย่างยอดเยี่ยมอีกต่างหาก บริเวณด้านข้างของงวงจะมีงาที่เป็นฟันตัดขากรรไกร มันจะโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช้างเพศผู้ สามารถงอกออกมาได้ถึง 17 เซนติเมตรต่อปีเลยทีเดียว
ใช้ในการขูดเปลือกไม้ ขุดหาน้ำ หรือแม้แต่ขุดเข้าไปเอาผลไม้ที่อยู่ข้างในต้นไม้ สามารถใช้เคลื่อนย้ายกิ่งไม้ที่ปิดขวางเส้นทางได้อีกด้วย สำหรับช้างแล้ว งวงจึงเปรียบเสมือนกับมือขวา และงาเปรียบเสมือนกับมือซ้าย
พวกเขาเป็นสัตว์กินพืชที่มีขนาดตัวที่ใหญ่โต ทำให้ฟันของช้างแตกต่างออกไปจากสัตว์สายพันธุ์อื่น ซึ่งมีทั้งหมด 28 ซี่ ในช่วงแรกที่พวกเขาเกิดขึ้นมาก็จะมีฟันน้ำนมงอกขึ้นมา หลังจากนั้นฟันแท้ก็จะขึ้นมาแทนที่ แต่ฟันแท้ของพวกเขาไม่ได้อยู่ถาวรเหมือนกับสายพันธุ์อื่น จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตลอดทั้งชีวิต
ช้างสามารถมีฟันงอกขึ้นมาใหม่ได้ถึง 5 ครั้งเลยทีเดียว ผิวหนังของพวกเขาจะเป็นสีเทาที่หนาเป็นอย่างมาก สามารถวัดความหนาได้ประมาณ 3 เซนติเมตรเลยทีเดียว มันช่วยให้พวกเขาสามารถเอาชีวิตรอดจากภัยคุกคามตามธรรมชาติได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความละเอียดอ่อนมากพอที่จะทำให้รู้สึกถึงการกัดของแมลงได้เหมือนกัน และอีกหนึ่งอวัยวะที่โดดเด่นของพวกเขาก็คือ หูขนาดใหญ่ ที่สามารถกระพือไปมาเพื่อช่วยรักษาสมดุลของอุณหภูมิได้ แถมยังเป็นอวัยวะที่ช่วยให้พวกเขาดูน่ารักมากขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก
ความแตกต่างของช้างแต่ละสายพันธุ์
ในปัจจุบันมีช้างเหลืออยู่เพียงแค่ 3 สายพันธุ์เท่านั้น ประกอบไปด้วยสายพันธุ์แอฟริกา ช้างป่าแอฟริกา และช้างเอเชีย มีสมาชิกหลากหลายสายพันธุ์ที่ต้องจากโลกใบนี้ไปอย่างน่าเสียดาย พื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขาก็จะถูกแบ่งออกตามสายพันธุ์อย่างชัดเจน โดยแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้
สายพันธุ์แอฟริกา
เป็นสายพันธุ์ที่สามารถพบได้ถึง 37 ประเทศทั่วทั้งแอฟริกา พวกเขาแตกต่างจากสายพันธุ์เอเชียอยู่หลายอย่างเลยทีเดียว ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ หูจะใหญ่และกว้างกว่ามาก ขนาดก็ยังใหญ่กว่าอีกด้วย จะตัวผู้หรือตัวเมียก็มีงาเหมือนกัน และขนขึ้นน้อยกว่าสายพันธุ์เอเชีย
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทย่อย ประกอบไปด้วยสายพันธุ์ป่าและสายพันธุ์สะวันนา ลักษณะภายนอกจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถเกิดลูกผสมได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างยาก เนื่องจากภูมิประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่แตกต่างกันและห่างไกลจากกันไม่น้อยเลยทีเดียว
สายพันธุ์เอเชีย
สายพันธุ์เอเชียหรือที่หลายคนเรียกว่าสายพันธุ์อินเดีย จะมีขนาดตัวเล็กกว่าสายพันธุ์แอฟริกา ใบหูมีขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ยังมีเฉพาะเพศผู้เท่านั้นที่สามารถมีงาได้ ปัจจุบันจำนวนประชากรของพวกเขาลดลงอย่างน่าใจหาย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของผู้คนก็ตาม
ภัยคุกคามที่ทำให้ช้างมีจำนวนน้อยลงกว่าเดิม
ถึงแม้ว่าช้างจะไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ เนื่องจากพวกเขามีขนาดตัวที่ใหญ่โต และในอดีตก็มีความสำคัญกับสังคมมนุษย์เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเป็นสัตว์พาหนะที่เราใช้ขี่ออกไปรบราฆ่าฟันหรือแม้แต่การเดินทางไกล
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีภัยคุกคามที่ส่งผลต่อจำนวนประชากรของพวกเขาเช่นเดียวกัน สาเหตุที่รุนแรงมากที่สุดก็คือ การล่าสัตว์ นั่นเอง โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาที่เติบโตช้า ถึงจะอายุยืนยาว แต่เมื่อถูกล่าก็ทำให้การเพิ่มจำนวนประชากรทำได้ช้าลงกว่าเดิม
พวกเขาต้องกินพืชวันละ 140 กิโลกรัม เมื่อสัตว์นักล่าสายพันธุ์อื่นถูกล่าหรือไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ บรรดาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่กินพืชทั้งหลาย ก็มาแย่งอาหารของพวกเขาไปจนหมด สาเหตุต่อมาก็คือการสูญเสียที่อยู่อาศัย
มีประชากรช้างจำนวนมากกว่า 100 ตัวในศรีลังกาที่ถูกฆ่า เนื่องจากมนุษย์ไปบุกรุกพื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติจึงมีพฤติกรรมรุกรานมนุษย์บ้าง แต่หากพูดว่าใครผิดใครถูก กรณีนี้ก็คงต้องบอกว่ามนุษย์เราเองที่เป็นฝ่ายผิด
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me