นกอัลบาทรอส เป็นนกทะเลที่ยิ่งใหญ่และสง่างาม พวกมันบินได้ไกลและสูงกว่าใครในท้องฟ้า ด้วยปีกที่กว้างและความสามารถในการบินที่ไม่เหมือนใคร นกอัลบาทรอสถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและความมั่นคงในตำนานของชาวเรือโบราณ แต่ในปัจจุบัน พวกมันต้องเผชิญกับภัยคุกคามมากมายที่ทำให้กลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ มาทำความรู้จักกับนกอัลบาทรอสและวิถีชีวิตที่น่าทึ่งของพวกมัน พร้อมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญในการอนุรักษ์นกทะเลสายพันธุ์นี้ไปพร้อมกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับนกอัลบาทรอส ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง
นกอัลบาทรอส สัตว์ปีกที่กระจายสายพันธุ์อยู่ตามเกาะและชายฝั่งทะเลต่าง ๆ บริเวณเขตอบอุ่นและเขตร้อนทั่วโลก มีอายุยืนยาวถึง 60 ปี จัดอยู่ในกลุ่มนกจมูกหลอดที่จมูกมีลักษณะเป็นท่อ พวกมันจะมีท่อยาวบริเวณจะงอยปากที่ช่วยให้สามารถค้นหาพื้นที่ในการสร้างรังและหาอาหารได้ดีขึ้น
ถึงแม้ว่านกอัลบาทรอสจะเป็นนกทะเล แต่พวกมันก็มีความแตกต่างจากนกประเภทเดียวกันในสายพันธุ์อื่น ๆ ตรงที่ พวกมันมักจะบินอยู่ตลอดเวลา เคยมีการศึกษาและติดตามพวกมันด้วยการใช้ดาวเทียม พบว่า พวกมันใช้เวลาในการบินรอบโลกไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น และสามารถอยู่บนอากาศติดต่อกันได้ยาวนานถึง 6 วัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องกระพือปีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
สาเหตุที่ทำให้นกอัลบาทรอสสามารถบินได้ไกลมาจากการที่พวกมันมีสมองพิเศษ ช่วยให้สามารถควบคุมทิศทางการบินได้อย่างน่าประทับใจ ประกอบกับสรีระที่แข็งแกร่ง ทำให้บินได้ไกลและนานกว่านกสายพันธุ์อื่น ไม่เพียงเท่านั้นพวกมันยังไม่สูดลมเข้าปอดโดยตรง แต่จะมีถุงลมที่ทำหน้าที่เติมลมและปล่อยลมเพื่อควบคุมอากาศให้ดีขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่ปอดนั่นเอง
นอกจากนี้ นกอัลบาทรอสยังจัดว่าเป็นนกใหญ่ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่สามารถบินได้ เมื่อกางปีกออกสามารถมีความกว้างได้มากกว่า 3.5 เมตร แม้แต่สายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดยังมีความกว้างของปีกถึง 2 เมตร
โดยปกติแล้วพวกมันจะบินอยู่เป็นประจำ สามารถบินได้วันละ 1,000 กิโลเมตร เพื่อออกไปหาอาหารมาเลี้ยงลูก ดังนั้นเวลาที่อยู่บนพื้นดินพวกมันจึงมักจะดูงุ่มง่ามเพราะเดินไม่ถนัด เนื่องจากฝ่าเท้าที่เป็นพังผืดเหมือนกับเป็ด ทำให้เดินไม่สะดวกเท่าไหร่
นกอัลบาทรอส สัตว์ในตำนานของกะลาสีเรือในยุคโบราณ
นกอัลบาทรอสเป็นสัตว์ที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวเรือมาช้านาน ตามตำนานความได้มีการระบุเอาไว้ว่า ในสมัยก่อนกะลาสีเรือจะเชื่อว่า หากลูกเรือตายพวกเขาก็จะกลับชาติมาเกิดเป็นนกสายพันธุ์ดังกล่าว
เมื่อไหร่ที่เห็นนกสายพันธุ์นี้ขณะที่เรือกำลังล่องอยู่กลางทะเลหมายความว่า พายุใกล้จะเข้ามา และหากใครทำร้ายหรือฆ่าพวกมันก็จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นไปตลอดชีวิต จะต้องนำเอาซากนกมาแขวนไว้รอบคอเพื่อลบล้างอาถรรพ์ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงนับว่าเป็นสัตว์อัปมงคลสำหรับกะลาสีเรือ
ในปัจจุบันเรื่องราวเหล่านี้ก็ยังคงเป็นความเชื่อของเหล่ากะลาสีเรืออยู่ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1959 มีเรือสินค้าลำหนึ่งได้ขนนกอัลบาทรอสมาจากทวีปแอนตาร์กติก เพื่อไปส่งยังสวนสัตว์ในเยอรมนี ระหว่างที่เรือจอดแวะพักในเมืองลิเวอร์พูล กะลาสีเรือต่างทิ้งเรือดังกล่าวเพราะเชื่อว่าพวกมันเป็นสัตว์อัปมงคลที่จะทำให้เกิดปัญหาตลอดการเดินทางนั่นเอง
นกอัลบาทรอส การเผชิญหน้ากับภัยอันตรายและการปกป้องนักล่าแห่งท้องทะเล
นกอัลบาทรอสเป็นนกที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่พวกมันมีภัยคุกคามมากมายจนทำให้กลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ถูกจัดอยู่ในสถานะเสี่ยงขั้นวิกฤติ โดยได้รับการยอมรับจากทางสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติในปี 2004 มีถึง 18 สายพันธุ์ย่อยที่ถูกคุกคามและอาจสูญพันธุ์ในอนาคต
ย้อนกลับไปในปี 2009 นกอัลบาทรอสเป็นสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาแพขยะในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนืออย่างรุนแรง พวกมันกินขยะพลาสติกเข้าไปเพราะเข้าใจผิด จนอุดตันในกระเพาะและเสียชีวิตในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นยังรวมไปถึงปัญหาการทำประมงเบ็ดราวและการแย่งอาหารจากการทำประมงอีกด้วย
หากเราทุกคนไม่ร่วมมือกันอนุรักษ์พวกมันเอาไว้ ในอนาคตนกสายพันธุ์นี้ก็จะสูญพันธุ์ไปตลอดกาล และจะนับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เนื่องจากนกที่อาศัยอยู่ในทะเลเป็นนกที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นนกอัลบาทรอสยังเป็นนกสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถบินได้ การสูญพันธุ์ของพวกมันจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติหลายด้านอย่างแน่นอน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของเหล่าสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me