เยอรมัน เชพเพิร์ด สุนัขตำรวจรูปหล่อที่หลายคนตกหลุมรัก

เมื่อพูดถึงสุนัขตำรวจเชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงเยอรมัน เชพเพิร์ด อย่างแน่นอน และด้วยความที่พวกเขาถูกนำเอามาใช้งานที่มีความจริงจัง เต็มไปด้วยอันตราย มันยิ่งเป็นการเสริมภาพลักษณ์ของพวกเขาให้ดูรูปหล่อและมีความสุขุมนุ่มลึกมากขึ้นกว่าเดิม หากพวกเขาเป็นมนุษย์ก็คงจะเป็นสเปกของสาว ๆ หลายคนเลยทีเดียว นอกจากนี้เยอรมัน เชพเพิร์ดยังติดภาพลักษณ์ที่ดูดุร้ายและก้าวร้าวอีกต่างหาก แต่ความจริงแล้วพวกเขาเป็นสุนัขยังไงกันแน่ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นกัน 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักเยอรมัน เชพเพิร์ด สุนัขที่ไม่ได้มีดีแค่ความหล่อเหลา 

เยอรมัน เชพเพิร์ด เป็นสุนัขตัวใหญ่ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของสุนัขตำรวจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะจากรูปลักษณ์ภายนอกพวกเขาก็ดูมีความสุขุมและเหมาะสมสำหรับการทำงานจับผู้ร้ายจริง ๆ 

ขนาดตัวของเยอรมัน เชพเพิร์ดถือว่าใหญ่โตเป็นอย่างมาก สามารถสูงได้ถึง 65 เซนติเมตร วัดจากส่วนที่สูงที่สุดบนหลังของพวกเขาจนถึงปลายเท้า น้ำหนักตัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40-50 กิโลกรัม มีหน้าผากกว้างเป็นรูปโดม 

ปากและจมูกด้านบนจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมที่ยื่นยาวออกมา มีจมูกขนาดใหญ่สีดำ ปากกว้าง แถมฟันและขากรรไกรยังแข็งแรงเป็นอย่างมาก ดวงตาเป็นสีน้ำตาลดูสดใส ในแววตาจะเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ความมั่นใจ และความเฉลียวฉลาด 

มีหูขนาดใหญ่ทรงสามเหลี่ยมที่ตั้งขึ้นมา แต่มันจะตั้งขึ้นหลังจากที่พวกเขาโตเรียบร้อยแล้ว ในตอนเด็กหูจะพับลงมาเหมือนกับลูกสุนัขทั่วไป ลำคอยาวระหง และจะยืดขึ้นมาเสมอเวลาที่สนใจบางสิ่งบางอย่าง 

เห็นแบบนี้ความจริงแล้วเยอรมัน เชพเพิร์ด เป็นสุนัขขนยาว หางมีลักษณะเป็นพุ่มคล้ายกับกระรอก แถมยังยาวจนถึงพื้นอีกต่างหาก มีหลายสีสันกว่าที่หลายคนคิด เพียงแต่ที่พบได้บ่อยก็คือสีแทนดำหรือสีแดงดำ 

แต่ในความเป็นจริงแล้วเยอรมัน เชพเพิร์ด มีทั้งสีดำล้วน ขาวล้วน น้ำตาลเข้ม น้ำเงิน และสีเงิน สีที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานคือ สีแทนดำ สีดำล้วน แดงดำ หรือน้ำตาลเข้ม ส่วนสีเงินและสีน้ำเงินนับว่าเป็นข้อบกพร่อง สีขาวก็เป็นสีที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการใช้งาน 

เพราะสังเกตเห็นง่ายเกินไปในช่วงเวลาปกติ แต่พอเป็นฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะก็ทำให้สังเกตยากเช่นเดียวกัน พวกเขามีขน 2 ชั้น ขนชั้นนอกจะร่วงตลอดทั้งปี อายุขัยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 9-13 ปีเท่านั้น 

ประวัติความเป็นมา

เยอรมัน เชพเพิร์ด ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขมาเพื่อใช้งานโดยเฉพาะ แถมยังเพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นานอีกด้วย ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในปี 1899 ในประเทศเยอรมนี มีการพัฒนาสุนัขขึ้นมาสายพันธุ์หนึ่งเพื่อใช้งานในการต้อนแกะ

ดังนั้นเยอรมัน เชพเพิร์ดจึงแข็งแรง มีความเฉลียวฉลาด เชื่อฟังคำสั่งมนุษย์เป็นอย่างดี หลังจากเข้าสู่ยุคสงคราม พวกเขาก็ถูกฝึกให้มาช่วยงานทั้งทหารและตำรวจทั่วโลก เนื่องจากมีลักษณะเด่นตรงความจงรักภักดี มีสัญชาตญาณปกป้องอย่างเต็มเปี่ยม 

ในอดีตเคยถูกพยายามเปลี่ยนชื่อให้เป็น อัลเซเชียน เนื่องจากในยุคสงครามโลก เยอรมันมีภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็เรียกพวกเขาด้วยชื่อดั้งเดิม แทนที่จะเป็นอัลเซเชียน

ลักษณะนิสัย

เยอรมัน เชพเพิร์ด มีนิสัยสุนัขพี่หลายคนจะต้องคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน เพราะภาพลักษณ์ของพวกเขาดูสุขุมและดุร้าย แต่ความจริงแล้วพวกเขาเป็นมิตรมาก ๆ ยิ่งถ้าเราเลี้ยงแบบดูแลเอาใจใส่เหมือนลูก พวกเขาก็พร้อมจะกลายเป็นเด็กน้อยขี้อ้อนให้เราได้ใจละลาย 

พวกเขามีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 3 ของสุนัขที่ฉลาดที่สุด เป็นรองเพียงแค่พุดเดิ้ลและบอเดอร์ คอลลี่เท่านั้น การฝึกพวกเขาเพียง 3-5 ครั้งก็ช่วยให้พวกเขาสามารถทำตามคำสั่งได้แล้วถึง 95% 

ประกอบกับความแข็งแรงของร่างกาย ทำให้เยอรมัน เชพเพิร์ดได้รับความนิยมในการนำเอามาใช้งาน ทั้งเฝ้ายาม ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือ หรือแม้แต่การจับกุมผู้ร้าย เพราะเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง 

พวกเขาเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น มั่นใจในตัวเอง อยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกอย่าง แถมยังขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์และจงรักภักดีอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามมันก็มาพร้อมกับปัญหาเช่นเดียวกัน 

เมื่อสัญชาตญาณในการปกป้องสูง พวกเขาจึงพยายามที่จะปกป้องครอบครัวทุกคน ปกป้องพื้นที่ของตนเองจนบางครั้งก็กระทำเกินกว่าเหตุ หากเราไม่พาพวกเขาเข้าสังคมอยู่เป็นประจำ พวกเขาก็จะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น และการพาออกไปข้างนอกก็อาจจะลำบากสักหน่อย ถึงอย่างนั้นก็ต้องทำใจเช่นกัน เพราะพวกเขาค่อนข้างรักสันโดษ ดังนั้นจึงมักจะรักษาระยะห่างจากผู้อื่นอยู่เสมอ 

รวมเรื่องน่ารู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงเยอรมัน เชพเพิร์ด

เยอรมัน เชพเพิร์ดเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ก่อนเลี้ยงต้องทำความเข้าใจวิธีเลี้ยงสุนัขอย่างถ่องแท้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะต้องมานั่งกุมขมับในภายหลังได้เช่นกัน ซึ่งมีเรื่องอะไรบ้างที่ควรรู้ ไปดูกันเลย

การออกกำลังกาย 

เยอรมัน เชพเพิร์ด เป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยพลังงานและความกระตือรือร้นอย่างถึงขีดสุด การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อพฤติกรรมสัตว์ของพวกเขาได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว ดังนั้นการเลี้ยงพวกเขาจึงต้องมีเวลาในการพาไปออกกำลังกาย 

ตอนเด็กควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่เต็มไปด้วยความรุนแรง เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในการมีปัญหาข้อต่อในอนาคตได้ ในตอนที่ยังเป็นเด็กเราจึงขอแนะนำให้พาพวกเขาไปเดินหรือวิ่งเบา ๆ เพื่อพบปะสังคมบ้าง ไม่เล่นกระโดดไปมาหรือวิ่งเร็ว ๆ จนเกินไป 

พออายุมากขึ้นก็ให้พาไปวิ่งประมาณ 40 นาทีขึ้นไปต่อวัน หากไม่มีเวลาจะปล่อยให้พวกเขาวิ่งบริเวณบ้านหรือซื้อลู่วิ่งให้วิ่งก็ได้ หากพวกเขาเบื่อก็ให้เปลี่ยนเป็นการออกกำลังกายด้วยการเล่นแทน อย่างเช่น การฝึกคาบของ การเล่นจานร่อน หรือการพาไปว่ายน้ำ 

หากเราไม่พาพวกเขาไปออกกำลังกายก็จะทำให้เยอรมัน เชพเพิร์ดมีพลังที่ล้นเหลือ ส่งผลให้พวกเขากวนเราในตอนกลางคืนบ้าง ทำลายข้าวของบ้าง หรืออาจจะเครียดจนมีพฤติกรรมก้าวร้าวตามมาได้ 

ความเข้ากันกับเด็ก 

สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนาดตัวใหญ่โตเป็นอย่างมาก หลายคนจึงอาจมองว่าพวกเขาไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยงร่วมกับเด็กสักเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วหากเราฝึกทั้งสุนัขและเด็กให้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เล่นกันดี ๆ ไม่ใช้ความรุนแรง พวกเขาก็จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ ได้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้เยอรมัน เชพเพิร์ดยังมีสัญชาตญาณปกป้องที่จะช่วยปกป้องเด็กๆ จากอันตรายได้อีกด้วย เมื่อไหร่ที่เด็ก ๆ อ่อนโยนกับพวกเขา พวกเขาก็จะอ่อนโยนกับเด็กด้วยเช่นกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดตัวถึงขนาดนั้น เพราะเมื่อพวกเขาโตขึ้นก็จะมีสัญชาตญาณที่รู้กำลังตัวเอง รู้ว่าควรเล่นกับเด็กด้วยความแรงมากแค่ไหนที่จะไม่ทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ 

อาหาร 

อาหารของเยอรมัน เชพเพิร์ดควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพและสารอาหารครบถ้วน ใครไม่มีเวลาเราขอแนะนำให้ใช้อาหารเม็ดคุณภาพดีได้เลย แต่หากมีเวลาแล้วอยากเสริมสร้างกล้ามเนื้อ จะให้เป็นบาร์ฟก็ได้เช่นกัน แต่ต้องไม่ลืมคำนวณโภชนาการให้ดี ปริมาณอาหารจะอยู่ที่ 3 ถึง 4 ถ้วยต่อวัน ให้วันละ 2 มื้อ เช้าและเย็น 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่น่าสนใจอื่น ๆ