แกสบี้ อาจเป็นชื่อของสัตว์เลี้ยงที่ไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับคนไทยสักเท่าไหร่ เนื่องจากในช่วงนี้ยังไม่ค่อยได้รับความนิยม จะมีคนเลี้ยงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น และเมื่อพูดถึงหนูหลายคนก็มักจะนึกถึงสัตว์ฟันแทะขนาดเล็กสุดน่ารัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว สัตว์เลี้ยงที่ Animal kingdom จะมาแนะนำกันในวันนี้ก็เป็นหนูเช่นเดียวกัน เพียงแต่พวกเขามีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ใกล้เคียงกับลูกกระต่าย ทำให้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นกระต่ายอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้วันนี้ Animal kingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสัตว์ชนิดนี้ให้มากขึ้นกัน
ทำความรู้จักกับแกสบี้ หนูตะเภาสุดน่ารักที่จะทำให้คุณต้องหลงใหล
แกสบี้ หรือหนูตะเภาเป็นสัตว์ประเภทฟันแทะที่มีหลากหลายรูปร่าง หลากหลายสีสันให้คุณได้เลือก ทั้งแบบขนยาว ขนสั้น ขนตรง ขนหยิก ขนธรรมดาและขนแบบเส้นไหม แต่ละสายพันธุ์ส่วนใหญ่จะมีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน ลักษณะของพวกเขานั้นจะมีลำตัวกลมคล้ายกับกระต่าย เพียงแต่หูจะสั้นและมักจะพับไปด้านหลัง จมูกและปากจะยื่นออกมา ไม่มีหาง มีขา 4 ข้างสำหรับใช้เดิน เอกลักษณ์อันโดดเด่นของพวกเขานั้นจะมีอยู่ 2 อย่างนั้นก็คือ ริมฝีปากล่างที่มักจะห้อยลงมาอยู่เสมอ และเสียงร้องแหลมปรี๊ดเอาไว้สำหรับเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ แต่อย่างไรก็ตาม หนูตะเภาเหล่านี้ไม่ได้มีเสียงร้องที่ดังจนเกินไป จึงสามารถเลี้ยงได้แม้แต่อยู่ในหอพักหรือคอนโดมิเนียม แต่หากคุณต้องการเลี้ยงหนูตะเภา สิ่งที่จะต้องระมัดระวังให้ดีก็คือ การกินอาหารและโภชนาการที่ถูกต้อง พวกเขาเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีขึ้นมาได้ด้วยตนเอง ดังนั้นเราจึงต้องให้วิตามินซีแก่พวกเขา 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เมื่อพวกเขาตั้งท้องต้องให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า สามารถให้ได้ทั้งวิตามินซีสำหรับเด็กหรือวิตามินซีสำหรับหนูตะเภาโดยเฉพาะ สวนอาหารหลักของพวกเขานั้นคือหญ้าแห้งอย่างหญ้าทิมโมธีสำหรับหนูที่โตเต็มวัยแล้ว และหญ้าอัลฟาฟ่าสำหรับหนูเด็กและหนูท้อง ส่วนอาหารเม็ดสำเร็จรูปนั้น เป็นอาหารเสริมที่ไม่ควรให้ในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย และระบบย่อยอาหารได้ สวนย่าสดและผักผลไม้นั้น สามารถให้ได้บ้างสลับกันไปในปริมาณที่เหมาะสม
ดูแลสุขภาพอย่างไรให้แข็งแรงอยู่กับเราไปนาน ๆ
แกสบี้หรือหนูตะเภานั้นเป็นสัตว์ที่มีอายุขัยอยู่ที่ประมาณ 5-7 ปี หากเราดูแลพวกเขาได้ดีพวกเขาก็จะอยู่กับเรายาวนานมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับการดูแลสุขภาพของพวกเขานั้น เริ่มต้นจากสภาพแวดล้อมที่ต้องอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท มีอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด อากาศไม่ควรร้อนจนเกินไป เพราะมีโอกาสเป็นฮีทสโตรกได้ ทำความสะอาดกรงอยู่เสมอ ควรให้พื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขาแห้งเป็นประจำ บริเวณนั้นควรมีแสงสว่างแต่ห้ามโดนแสงแดดโดยตรง หมั่นตัดเล็บอาบน้ำอยู่เป็นประจำ คอยตรวจสอบร่างกายและเสียงของพวกเขาอยู่เสมอว่ามีส่วนไหนที่ผิดปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรพาไปพบแพทย์โดยด่วน
