นกกระเรียนเป็นสัตว์สงวน ปัจจุบันในประเทศไทยไม่สามารถพบกับสัตว์ปีกชนิดนี้ได้แล้ว แต่ยังสามารถพบได้ในประเทศอื่น ๆ ใกล้เคียง เช่น กัมพูชา ลาว เวียดนามและเมียนมา นกกระเรียนเป็นสัตว์ป่าสงวนตาม พรบ. และการคุ้มครองสัตว์ในปี พ.ศ.2535 ซึ่งยังอยู่ในบัญชี 2 ของอนุสัญญา CITES โดยบนโลกเหลือเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ในประเทศไทยสัตว์ปีกเหล้าได้สูญพันธุ์ไปแล้ว วันนี้ Animal kingdom จะพาไปทำความรู้จักกับสัตว์ปีกชนิดนี้กันค่ะ ถ้าหากพร้อมแล้วไปกันเลย

ข้อมูลทั่วไปของนกกระเรียน
นกกระเรียนจัดอยู่ในอันดับ Gruiformes ซึ่งอยู่ในวงศ์ Gruidae มีทั้งหมด 15 ชนิด สัตว์ปีกชนิดนี้จะอาศัยอยู่ทั่วทุกมุมโลกยกเว้นทวีปอเมริกาใต้และทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งสัตว์ปีกพวกนี้จะไม่ค่อยโดนคุกคามมากนัก แต่จะมีแค่เพียงบางชนิดที่โดนคุกคามอย่างหนักเช่น นกกระเรียนกู่

ลักษณะรูปร่าง
สัตว์ปีกชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกับนกกระสามาก แต่จะแตกต่างกันที่เวลาพวกมันบินมันจะเหยียดคอตรง จะไม่งอคอพับมาด้านหลังแบบนกกระสา โดยลักษณะทั่วไปจะมีลำตัวสูงยาว โดยเฉพาะส่วนคอ และขาของมัน และมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่านกกระสา โดยจะมีความยาวตั้งแต่ช่วงปากจนถึงหางประมาณ 150-160 เซนติเมตร ส่วนสีขนบนลำตัวและบนปีกจะเป็นสีเทา แต่ส่วนล่างปีกจะเป็นสีขาว บริเวณขนปลายปีกที่มี 11 เส้น จะเป็นสีเทาหรือดำ ปากมีลักษณะยาว ปากและกระหม่อมของสัตว์ปีกพวกนี้มีสีออกสีเขียว บริเวณหัวไปถึงคอส่วนปลายมีหนังสีแดง ไม่มีขน ส่วนบนหัวสุดจะแต้มด้วยสีน้ำตาลหรือสีเนื้อ มีหางที่สั้น ตั้งแต่ส่วนขาไปถึงนิ้วเท้ามีสีแดง มีขาเรียวยาว ตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะลวดลายเหมือนกัน แต่ตัวผู้มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า นกกระเรียนที่พบในแต่ละประเทศนั้นมีลักษณะลวดลายที่แตกต่างกันออกไป ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นลักษณะที่พบในไทย

ลักษณะพฤติกรรม
นกกระเรียนเป็นสัตว์ปีกที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง แต่ละฝูงจะมีประมาณ 50-70 ตัว โดยจะส่งเสียงร้องเพื่อสื่อสารต่าง ๆ เช่น การจับคู่ การข่มขู่ ประกาศถิ่นที่อาศัย หรือมีการเตือนแบบกางปีก แหงนหน้า กระโดดไปมา และการชูคอส่งเสียง โดยตัวผู้จะแสดงพฤติกรรมนี้มากกว่าตัวเมีย การผสมพันธุ์จะผสมพันธุ์ช่วงฤดูฝน วางไข่ในช่วงปลายฤดูฝน พวกมันจะมีการจับคู่ใครคู่มัน และมีคู่เพียงตัวเดียวไปจนอีกฝ่ายตายจากไป หากฝ่ายใดตายฝ่ายที่ยังอยู่ก็จะเริ่มจับคู่ใหม่

แหล่งอาหาร
แหล่งอาหารสำคัญสำหรับนกกระเรียนคือ ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นหนองบึง ซึ่งแหล่งน้ำนั้นจะต้องเป็นที่ที่มี ปลา งู กบ เขียด จิ้งเหลน และแมลงต่าง ๆ จำนวนมาก อาหารเหล่านี้สำคัญมากสำหรับนกชนิดนี้ และยังมีอาหารชนิดอื่น ๆ อย่างเช่น ธัญพืช รากอ่อนของพืช ที่มีความสำคัญต่อมันอีกด้วย