นกแต้วแล้วท้องดำ สัตว์ตัวเล็กที่กำลังจะหายไปจากประเทศไทย 

by animalkingdom
259 views
นกแต้วแล้วท้องดำ

ความจริงแล้วถึงแม้ว่าประเทศไทยของเราจะมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ แต่เรายังล้มเหลวในเรื่องการดูแลและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์อยู่ อย่างเช่นสัตว์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ นกแต้วแล้วท้องดำ พวกเขานั้นเคยเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถหาได้ตามธรรมชาติจนหลายคนมองว่าพวกเขาสูญพันธุ์ไปแล้ว แม้ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเราจะยังคงพอมีโอกาสที่จะอนุรักษ์พวกเขาเอาไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย แต่ความหวังมันก็สุดแสนจะเลือนรางเสียเหลือเกิน ในวันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น และสาเหตุที่เราต้องให้ความสำคัญในการอนุรักษ์พวกเขาให้ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ในประเทศไทยต่อไป 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับนกแต้วแล้วท้องดำ 1 ในสัตว์สงวน 15 ชนิดของไทย 

นกแต้วแล้วท้องดำ

นกแต้วแล้วท้องดำ จัดเป็นสัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ชนิดของไทย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พวกเขานั้นมีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์เป็นอย่างมากจึงต้องมีกฎหมายออกมาคุ้มครอง อยู่ในอันดับ 7 ของโลกจากบัญชีสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์ทั้งหมด 6,000 สายพันธุ์ 

ความจริงในอดีตพวกเขาถูกเข้าใจว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว จนกระทั่งมีการพบพวกเขาครั้งแรกในปี 2529 บริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขาก็ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่ดี มีแนวโน้มที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า อนาคตของพวกเขากำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต และจำนวนประชากรจะลดจำนวนลงเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน

เนื่องจากพวกเขามีศัตรูตามธรรมชาติมากมาย และยังมีมนุษย์ที่กลายมาเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่อันตรายที่สุดอีกต่างหาก ลักษณะโดยทั่วไปของนกแต้วแล้วท้องดำคือ พวกเขาเป็นนกตัวเล็ก มีสีสันที่สวยงาม บริเวณปีกจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ส่วนหัวและหางจะเป็นสีน้ำเงินสะท้อนแสง ด้านข้างลำตัวเป็นสีเหลืองและบริเวณหน้าอกไปจนถึงท้องเป็นสีดำตามชื่อของพวกเขา 

พวกเขามีลำตัวที่อ้วนป้อม หางสั้น มีขาขนาดเล็ก แต่แข็งแรง มีความปราดเปรียวและว่องไว จัดเป็นนกที่สวยงามจากทั้งหมด 30 ชนิดทั่วทั้งโลก พวกเขามีเสียงร้องอยู่ 2 รูปแบบประกอบไปด้วย เสียงประกาศอาณาเขตและเสียงหาคู่ ที่จะดังเป็นคำว่า ทริบ ทริบ กับเสียงร้องเวลาตกใจที่จะร้อง แต้ว แต้ว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพวกเขา พวกเขาหาอาหารบนดินด้วยการกระโดดและใช้ปากคุ้ยหาอาหาร ส่วนเหยื่อของพวกเขาก็จะเป็นแมลงขนาดเล็กอย่างเช่น ปลวก ไส้เดือน หรือมด 

เปิดสาเหตุ ทำไมเราจึงควรให้ความสำคัญกับนกแต้วแล้วท้องดำ

นกแต้วแล้วท้องดำ

สาเหตุที่เราต้องให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์นกแต้วแล้วท้องดำก็คือ สถานการณ์วิกฤตในปัจจุบันที่มีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์เป็นอย่างมาก ทั่วทั้งโลกมีการพบประชากรพวกเขาเฉพาะในประเทศไทยและเมียนมาร์เท่านั้น 

สำหรับประเทศไทยต้องให้ความสำคัญในการดูแลและอนุรักษ์เผ่าพันธุ์พวกเขาเป็นพิเศษ เพราะนับว่าเป็นความรับผิดชอบที่เรานั้นต้องใส่ใจความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ทุกชนิดบนโลก ในปัจจุบันข้อมูลของสัตว์ปีกชนิดนี้ยังไม่ค่อยมีข้อมูลเชิงวิชาการสักเท่าไหร่ 

ข้อมูลที่เราสามารถใช้ในการวางแผนอนุรักษ์และการจัดการ ทั้งการเพิ่มประชากรและพื้นที่อยู่อาศัยจึงไม่รัดกุมเท่าที่ควร ทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างยากลำบาก และที่สำคัญก็คือพวกเขาจัดเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในบริเวณที่พวกเขาอยู่อาศัย

ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นป่าดิบชื้นบริเวณที่ราบต่ำ หากประชากรของพวกเขาลดน้อยลงก็เป็นข้อบ่งชี้ว่า พื้นที่บริเวณนั้นกำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤตเช่นเดียวกัน หากเราสามารถอนุรักษ์พวกเขาเอาไว้ได้ ก็จะทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ก็ตาม 

ข่าวดี นกแต้วแล้วท้องดำยังไม่สูญพันธุ์ไปจากเมืองไทย 

นกแต้วแล้วท้องดำ

นกแต้วแล้วท้องดำ ครั้งหนึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองที่หลายคนเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากพวกเขามีภัยคุกคามหลายอย่าง ที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติได้อย่างปกติ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะพวกเขามีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก 

เมื่อมีสัตว์สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งสูญพันธุ์ไป ย่อมกระทบต่อสัตว์ที่ยังคงสามารถดำรงเผ่าพันธุ์ได้ไม่มากก็น้อยอยู่ดี แต่อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นข่าวที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก หลังจากที่กรมอุทยานได้ออกมาเปิดเผยว่า นกแต้วแล้วท้องดำ ยังไม่ได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยแต่อย่างใด 

ตามรายงานระบุว่า มีการพบว่ามีการตอบสนองกว่า 2 จุด ในประเทศไทยเลยทีเดียว โดยเฉพาะในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ – บางคราม จังหวัดกระบี่ บริเวณเขานอนจู้จี้

นกแต้วแล้วท้องดำ

ในขณะเดียวกันอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีการจัดทำโครงการเพื่อฟื้นฟูประชากรนกแต้วแล้วท้องดำ รวมไปถึงถิ่นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ในปี 2562 ได้มีการสำรวจประชากรพวกเขาในบริเวณพื้นที่ราบต่ำของเขาจู้จี้ ในช่วงการสำรวจพบว่า บริเวณพื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขานั้น อยู่ไม่ไกลจากสระมรกตและพื้นที่ป่าบริเวณหินคอกวาง 

ใช้วิธีการสำรวจด้วยการเดินตามแนวเส้นจำนวนถึง 42 เส้น Base Line นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก ที่เรายังคงพบเห็นพวกเขาอยู่ตามธรรมชาติเพราะในปัจจุบันมีรายงานว่า สามารถพบพวกเขาได้เฉพาะในประเทศไทยและเมียนมาร์เท่านั้น ส่วนประเทศไทยยังมีบริเวณที่พบพวกเขาเพียงแค่แหล่งเดียวอีกด้วย 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเขาถูกคุกคามจนไม่สามารถดำรงเผ่าพันธุ์ได้ตามปกติ เกิดจากการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อการทำสวนยาง การเดินทางไปท่องเที่ยวสระมรกตที่ทำให้เกิดความวุ่นวายและเสียงดังจนพวกเขาต้องอพยพหนี ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถพูดได้ว่าพวกเขากลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ที่ส่วนหนึ่งมาจากน้ำมือของมนุษย์อย่างเราเอง 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment