นกไนติงเกล นกที่ได้ชื่อว่าร้องเพลงเพราะที่สุด 

by animalkingdom
446 views
นกไนติงเกล

บนโลกใบนี้มีนกหลากหลายสายพันธุ์แต่หนึ่งในสายพันธุ์ที่หลายคนน่าจะคุ้นชื่อเป็นอย่างดีก็คือ “นกไนติงเกล” ที่ Animalkingdom จะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นเอง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีขนาดตัวที่เล็กจนหาได้ยากตามธรรมชาติ แต่พวกเขาก็มีเสียงร้องที่ไพเราะมากที่สุด หากเทียบกับบรรดานกด้วยกัน วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น พวกเขาจะน่าสนใจแค่ไหน ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับนกไนติงเกล นกสายพันธุ์เล็กสุดน่ารัก 

นกไนติงเกล

นกไนติงเกล นกขนาดเล็กที่เมื่อฟังดูชื่อแล้ว หลายคนคงจะคิดว่าเป็นนกที่มีสีสันสวยงาม แต่ความเป็นจริงแล้วลักษณะของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นอะไรเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเป็นสัตว์ป่าที่มีขนาดตัวที่เล็กเกือบเท่าฝ่ามือ สิ่งที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ ขาที่เรียวยาว ขนบนลำตัวนั้นจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน บริเวณก้นเป็นสีขาว มีจะงอยปากแหลมสีดำ บริเวณดวงตาจะเป็นขนสีดำสลับขาวเป็นแถบเหมือนกับม้าลาย ส่วนบริเวณใต้คางพวกเขาจะมีสีส้มสดใส แตกต่างจากสัตว์ปีกสวยงามสายพันธุ์อื่นที่ได้รับความนิยม แต่สิ่งที่ทำให้นกเล็กสายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลก เกิดจากการที่พวกเขามีเสียงร้องที่ไพเราะมากที่สุดในบรรดานกร้องเพลงได้ทั้งหลาย นั่นเอง 

น่าเสียดายที่พวกเขานั้นอาศัยอยู่ในเอเชียตะวันออกบริเวณไซบีเรียกลางไปจนถึงฝั่งตะวันตก เราจะสามารถพบเห็นพวกเขาได้ทั้งในเทือกเขาของประเทศจีนตอนใต้และประเทศมองโกเลีย ดังนั้นคนไทยเราจึงไม่ได้มีโอกาสได้ยินเสียงพวกเขาร้องเพลงตามธรรมชาติแต่อย่างใด พวกเขาจะอาศัยอยู่บริเวณไม้พุ่มที่มีอากาศค่อนข้างชื้นหรือในต้นไม้ขนาดเล็ก ด้วยความที่พวกเขาตัวค่อนข้างเล็ก ดังนั้นจึงทำให้มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ค่อนข้างยาก ประกอบกับการที่พวกเขาเป็นเหยื่อตามธรรมชาติอยู่แล้ว พวกเขาจึงมักจะซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้เป็นหลัก ยิ่งทำให้มองเห็นยากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อโตเต็มวัยพวกเขาจะมีความยาวลำตัวไม่เกิน 18 เซนติเมตรเท่านั้นและมีน้ำหนักไม่เกิน 28 กรัม แต่โชคดีที่เราสามารถแยกเพศชายและหญิงได้ค่อนข้างง่าย ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือดเหมือนกับนกสายพันธุ์อื่นนั่นก็เป็นเพราะว่า พวกเขาจะมีสีที่แตกต่างกัน ตัวเมียสีของขนนั้นจะน้อยกว่าตัวผู้อย่างเห็นได้ชัด 

นกไนติงเกล

การทำรังของนกไนติงเกลนั้นมักจะทำรังอยู่ในป่าผลัดใบใกล้กับแหล่งน้ำหรือแม่น้ำ พบได้ทั้งตามธรรมชาติหรือในทุ่งหญ้า ส่วนวัสดุที่ใช้ในการทำรังของพวกเขานั้นจะเป็นพวกใบไม้แห้ง มอส หรือรากไม้ขนาดเล็ก ส่วนด้านบนนั้นจะใช้สิ่งที่นุ่มมาปกคลุมอย่างเช่นขนของสัตว์บางชนิด ตัวเมียจะวางไข่ในช่วงเดือนพฤษภาคมประมาณ 2-4 ฟองและเป็นไข่ที่มีเชื้อประมาณ 4-5 ฟอง พอเข้าสู่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนลูกนกก็จะออกมาจากไข่และทั่วลำตัวก็จะถูกปกคลุมไปด้วยขนที่ปุกปุย ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์พวกเขาก็จะเริ่มแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งในช่วงฤดูร้อน พวกเขาก็จะเริ่มฝึกบินและออกจากรังประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 

ถึงจะมีขนาดตัวเล็กแต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาก็เป็นนกอพยพเช่นเดียวกัน พวกเขานั้นมักจะบินไปในบริเวณที่มีอากาศอบอุ่น ในช่วงปลายฤดูร้อนไปจนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศหนาวในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง อาหารส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นจะเป็นโปรตีนที่ได้จากสัตว์อย่างเช่น แมลง ไม่ว่าจะเป็นแมงมุม แมลงเต่าทอง หรือพวกหอยทาก พวกเขาจึงมักจะล่าสัตว์ตามพื้นดินมากกว่าการล่าสัตว์ในอากาศ และเมื่อไหร่ที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวหรือมีแมลงให้ล่าน้อยลง พวกเขาก็จะปรับเปลี่ยนไปกินพวกผักผลไม้แทน 

เพราะเหตุใดนกไนติงเกลจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของพยาบาล

นกไนติงเกล

เชื่อหรือไม่ว่า หลายคนรู้จักนกไนติงเกลในฐานะของสัญลักษณ์พยาบาล สาเหตุเกิดมาจากหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อเหมือนกับนกสายพันธุ์นี้ เธอเป็นชาวอิตาลีและเติบโตมาในครอบครัวชาวอังกฤษที่มีฐานะ เธอจึงถูกเลี้ยงดูมาแบบคนชนชั้นสูงให้เป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม แต่เธอนั้นกลับให้ความสนใจในวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เมื่อมีอายุครบ 17 ปี เธอจึงเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยด้านคณิตศาสตร์จนสำเร็จการศึกษา แต่เมื่ออายุครบ 24 ปีเธอก็ค้นพบว่าเธอนั้นต้องการที่จะสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นและช่วยเหลือคนที่อ่อนแอ เธอจึงตัดสินใจไปสมัครเป็นพยาบาล ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัวและยังต้องบอกเลิกคนรักที่คบหากันมานานหลายปี เธอนั้นได้ไปหาประสบการณ์การเป็นพยาบาลร่วมกับคณะแม่ชีพยาบาล ที่คอยดูแลเด็กกำพร้าในเยอรมันเป็นเวลากว่า 3 เดือน และได้ไปดูงานบริหารจัดการในโรงพยาบาลภายในฝรั่งเศสขณะที่กำลังเดินทางกลับอังกฤษ 

นกไนติงเกล

จนกระทั่งในปี 1853 ที่เกิดสงครามไคเมียขึ้นมา ทหารอังกฤษถูกส่งไปช่วยเหลือออสโตมันหรือตุรกีรบกับรัสเซียในฐานะของพันธมิตร ทหารอังกฤษต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากจากโรคอหิวา ด้วยเหตุนี้เสนาธิการกลาโหมของอังกฤษ จึงขอความช่วยเหลือมายังเธอ ในการจัดหาพยาบาลไปทำงานในกองทัพ ภายในพื้นที่รบของสงครามไคเมีย ทำให้เธอนั้นสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของทหารได้เป็นจำนวนมากและกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งโลก ชื่อของเธอในฐานะนกสายพันธุ์หนึ่ง จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของพยาบาลจนถึงในปัจจุบัน

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกได้ที่ Animalkingdom

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment