หากจะพูดถึงสัตว์ป่าที่นำมาใช้เป็นศัพท์สแลงที่มีความหมายว่า ผู้หญิงที่มีกิริยาท่าทางเป็นม้าดีดกะโหลกน่าหมั่นไส้ ก็คงจะเป็น “ชะนี” ซึ่งจะใช้เป็นคำที่เหน็บแนมหรือเปรียบเทียบนั้นเอง ซึ่งเหตุผลมาจากเสียงร้องของสัตว์ป่าชนิดนี้คล้ายกับคำว่า “ผัว” นั่นเอง ซึ่งเสียงร้องแบบนี้เป็นทั้งตัวผู้และตัวเมีย จึงทำให้เกิดเป็นศัพท์สแลงขึ้นมา และวันนี้ Animal kingdom จะพาไปหาความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับชะนีกันค่ะ ถ้าหากพร้อมแล้วก็ไปกันเลย

ข้อมูลทั่วไปของชะนี
ชะนีเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง ซึ่งจัดอยู่ในอันดับวานรและอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง โดยสัตว์ป่าชนิดนี้เป็นลิงที่ไม่มีหาง ซึ่งจะจัดอยู่ในวงศ์ Hylobatidae และยังจัดเป็นเป็นวานร 1 ใน 4 ที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด สัตว์ป่าชนิดนี้จัดอยู่ในอันดับ 4 รองจากกอริลลา โดยพวกมันจะใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้มากกว่าอยู่ตามพื้นดิน แถมยังเป็นวานรที่มีแขนยาวที่สุดในอันดับวานรอีกด้วย ซึ่ง จะมีทั้งหมด 4 สกุล แบ่งออกได้ 18 ชนิด และพบในประเทศไทยเพียง 4 ชนิดเท่านั้น

ถิ่นที่อยู่อาศัยของชะนี
พวกมันกระจายพันธุ์อยู่ทางแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และทางตอนใต้ของจีน โดยชะนีนั้นจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิอากาศที่ร้อน และมีความชุ่มชื้น จะอาศัยอยู่ตามป่าดงดิบที่มีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น โดยสัตว์ป่าพวกนี้จะไม่มีการสร้างรัง แต่เป็นสัตว์ป่าที่ชอบอาศัยอยู่ตามต้นไม้สูงใหญ่ ต้นไม้จะต้องมีเรือนยอดที่หนาสำหรับเป็นที่อยู่ โดยส่วนมากจะนอนอยู่บนต้นไม้สกุลยาง

พฤติกรรม
พวกมันเป็นสัตว์ป่าอีกหนึ่งชนิดที่อาศัยอยู่แบบสังคมครอบครัว ซึ่งจะมีคู่แบบเมียเดียวผัวเดียวไปตลอดชีวิต โดยสมาชิกในฝูงจะมีประมาณ 2-5 ตัว พฤติกรรมการนอนของสัตว์ป่าชนิดนี้จะนอนแบบหนึ่งตัวต่อต้นไม้หนึ่งต้น พวกมันจะนอนแยกกัน แต่จะยกเว้นเฉพาะลูกน้อยเท่านั้นที่จะนอนรวมอยู่กับแม่ โดยตัวเมียจะมีลูกได้สูงสุด 5 ตัว ตลอดชีวิตของมัน สัตว์ป่าพวกนี้จะใช้ชีวิตแทบทั้งหมดของพวกมันอยู่บนต้นไม้

ลักษณะทั่วไป
ชะนีมีแขนขาที่ยาวเรียวและมีมือที่แข็งแรงมาก ทำให้พวกมันห้อยโหนไปมาบนต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนฟันจะมีความแหลมคม ซึ่งพวกมันจะไม่มีหางและยังมีขนที่ยาวนุ่ม โดยสีขนของสัตว์ป่าชนิดนี้จะมีตั้งแต่สีดำ สีน้ำตาล และสีเทาขาว ซึ่งสีจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิด โดยเวลาเดินลำตัวจะตั้งตรงได้ ส่วนใบหน้าจะเป็นสีดำ
อาหาร
ชะนีจะกินพืชเป็นหลักได้แก่ ยอดอ่อน ใบไม้อ่อนและผลไม้ ซึ่งยังสามารถกินพวกแมลงได้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะหาอาหารบนต้นไม้ จะกินอาหารบนพื้นแค่ยามจำเป็นเท่านั้น อย่างช่วงฤดูแล้ง พวกมันจำเป็นจะต้องลงมากินน้ำที่พื้นดิน