ลิงเสน ลิงผู้มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร

by animalkingdom
102 views
ลิงเสน

ลิง สัตว์ที่มีลำดับชั้นทางสังคมไม่แตกต่างจากมนุษย์มากนัก ไม่เว้นแม้กระทั่ง ลิงเสน ลิงที่ถึงแม้ว่าจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร แต่การใช้ชีวิตของพวกมันก็เต็มไปด้วยความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว วันเราจะพาทุกคนไปดูกันว่าลิงสายพันธุ์นี้มีความเป็นมาอย่างไร และมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ทำความรู้จักกับลิงเสน สัตว์ผู้มีวิถีชีวิตและลำดับสังคมใกล้เคียงกับมนุษย์

ลิงเสน

ลิงเสน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดค่อนข้างเล็ก ตามลำตัวจะมีขนยาวหยาบ ๆ สีน้ำตาลเข้ม บนใบหน้าจะไม่มีขน ทำให้เห็นสีผิวที่แดงก่ำของพวกมันได้อย่างชัดเจน โดยปกติแล้วพวกมันจะมีน้ำหนักอยู่ที่ไม่เกิน 10 กิโลกรัม และสูงไม่เกิน 65 เซนติเมตรเท่านั้น 

ตัวผู้จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อยและมีเขี้ยวที่ยาวมากกว่า รูปร่างจะออกกลมป้อมและมีหางที่สั้นมาก โดยมีความยาวไม่ถึง 7 เซนติเมตรด้วยซ้ำไป และยังไม่มีขนปกคลุมอีกด้วย

เมื่อแรกเกิด ลิงเสนจะมีขนเป็นสีขาวปกคลุมตลอดทั้งลำตัว หลังจากโตขึ้นสีขนก็จะเข้มขึ้นตามไปด้วย และเมื่อแก่ลงขนบนหัวก็จะหลุดร่วงเหมือนกับมนุษย์ที่หัวล้าน พวกมันจึงถือว่าเป็นสัตว์ที่มีลักษณะทางกายภาพค่อนข้างใกล้เคียงกับมนุษย์เลยทีเดียว

ที่อยู่อาศัย 

ลิงเสน

เรามักพบลิงเสนอาศัยอยู่ตามป่ากึ่งร้อนบริเวณที่มีความสูงไม่เกินกว่า 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แต่สำหรับกลุ่มที่อยู่ตามป่าฝนเขตร้อนจะสามารถอยู่บนพื้นที่ที่สูงตั้งแต่ 1800 เมตร ถึง 2,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลได้

โดยปกติแล้วพวกมันมักจะอาศัยอยู่ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น แต่ไม่เคยพบว่าพวกมันอยู่อาศัยในป่าแล้งแต่อย่างใด เขตกระจายพันธุ์จะครอบคลุมทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไล่ตั้งแต่ประเทศจีน อินเดีย ไทย พม่า มาเลเซีย เวียดนาม บังกลาเทศ ลงไปจนถึงแถบคาบสมุทรมลายู

พฤติกรรมและความเป็นอยู่

ลิงเสน

ลิงเสน มีพฤติกรรมออกหากินในตอนกลางวัน พวกมันมีอวัยวะพิเศษเป็นถุงข้างแก้มที่สามารถใส่อาหารเข้าไปได้เทียบเท่ากับกระเพาะเลยทีเดียว อาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลไม้ แต่บางครั้งพวกมันก็สามารถกินใบไม้ ดอกไม้ รากไม้ เมล็ดพืช รวมถึงไข่นก ปู ปลา กบ และนกได้ด้วยเช่นกัน 

ในแต่ละวันพวกมันจะเดินทางเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร แต่ในช่วงฤดูฝนจะเดินทางน้อยลงกว่าเดิมเล็กน้อย หลังจากหากินเรียบร้อยแล้วก็จะกลับมานอนที่ต้นไม้ต้นเดิมเป็นประจำทุกคืน

หากดูจากภายนอก ลิงเสนดูเหมือนจะเป็นสัตว์ที่ดุร้าย แต่ความจริงแล้วพวกมันมีพฤติกรรมที่อ่อนโยนกว่าลิงสายพันธุ์หางสั้นสายพันธุ์อื่นไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้แม่ยังอ่อนโยนต่อลูกมากกว่าลิงในกลุ่มอีกด้วย ไม่เคยมีการพบเห็นเหตุการณ์ลักพาตัวลิงเด็กหรือคุกคามลิงเด็กเลยแม้แต่ครั้งเดียว

พวกมันมักอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ สามารถมีจำนวนสมาชิกได้กว่า 60 ตัว ภายในกลุ่มก็จะมีการแบ่งลำดับชนชั้น ตัวผู้ที่อยู่ในลำดับสูงสุดจะได้ครอบครองตัวเมียทุกตัวในฝูง แต่ตัวผู้ที่มีอันดับต่ำลงมาก็สามารถหาโอกาสลักลอบผสมพันธุ์กับตัวเมียได้เช่นกัน

ในกรณีที่มีลิงเสนตัวผู้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ตัวใหม่ก็ต้องต่อสู้กับตัวผู้ในฝูงเพื่อดูว่าอยู่ในลำดับชั้นไหน เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ตัวที่ถูกตัดสินว่าอันดับต่ำกว่าก็จะหันก้นให้กับผู้ที่ชนะ ส่วนตัวที่ชนะก็จะเข้ามาสวมกอดหรือจุมพิตอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ผู้แพ้ก็จะขบฟันรัว ๆ หรือไม่ก็เลียปากตัวเองก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ

ตามปกติแล้วพวกมันมักจะผสมพันธุ์กันตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน แต่หากเป็นลิงเลี้ยงก็จะมีการผสมพันธุ์ที่ไม่แน่นอน เวลาติดสัด ตัวเมียจะมีก้นที่บวมเป่ง ซึ่งลิงเสนตัวเมียสามารถให้กำเนิดลูกได้แบบปีเว้นปี ออกลูกเพียงครั้งละ 1 ตัวเท่านั้น ใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 177 วัน และดูแลลูกจนกว่าจะอายุ 9 เดือนถึงจะหย่านม แต่ลูกจะอยู่กับแม่จนมีอายุครบ 18 เดือน จึงจะแยกออกจากฝูงไปในกรณีที่เป็นตัวผู้ หากเป็นตัวเมียก็จะมีลำดับชั้นในฝูงเหมือนกับแม่

อัพเดทสถานการณ์ของลิงเสน เมื่อสัตว์ต้องเผชิญภัยกับคุกคาม

ลิงเสน

สถานการณ์ของลิงเสนในปัจจุบันถือว่ามีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก ถูกจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพบว่าไม่กี่ปีให้ที่ผ่านมานี้มีประชากรลิงสายพันธุ์ดังกล่าวหายไปในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในประเทศบังกลาเทศและอินเดีย ที่ไม่มีใครพบเจอมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในปี 2533

สำหรับสถานการณ์ลิงเสนในประเทศไทยและมาเลเซีย ก็มีจำนวนที่ลดลงไปอย่างน่าใจหาย โดยสาเหตุหลักที่ทำให้พวกมันมีจำนวนที่ลดลงคือ การสูญเสียที่อยู่อาศัย เนื่องจากมนุษย์บุกรุกพื้นที่ป่าเข้าไปอยู่อาศัยหรือทำการเกษตร จนพวกมันต้องสูญเสียพื้นที่หากินไปอย่างน่าเสียดาย 

ในประเทศเวียดนาม บางพื้นที่พวกมันถูกล่าเป็นจำนวนมาก เพื่อนำเอาชิ้นส่วนส่งออกไปยังประเทศจีน เนื่องจากในจีนเชื่อว่า พวกมันเป็นยาสามารถบำรุงร่างกายหรือรักษาโรคได้

ทาง IUCN ได้ประเมินสถานภาพของพวกมันเอาไว้ว่า เป็นสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์และถูกจัดให้อยู่ในบัญชีไซเตสหมายเลข 2 สำหรับในประเทศไทยพวกมันเป็นสัตว์คุ้มครองที่ห้ามมีการล่า ครอบครองตัว หรือครอบครองชิ้นส่วนโดยเด็ดขาด มีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของบรรดาสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment