นักล่าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับความสามารถในการวิ่งอย่างรวดเร็วก็ต้องนึกถึงเสือ แต่เสือเองก็มีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ของพวกมันก็แตกต่างกันออกไป อย่างเสือพูม่า พวกมันจัดเป็นนักล่าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับความสง่างาม อาศัยอยู่บนภูเขาเป็นหลัก ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของพวกมันดูน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับใครที่สนใจ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าเสือสายพันธุ์นี้ให้มากขึ้นกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับเสือพูม่า ลักษณะ นิสัยและพฤติกรรม
เสือพูม่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่มีความน่าเกรงขาม พวกมันมีอัตราประสบความสำเร็จในการล่าค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังสามารถในการปรับตัวได้ดี พวกมันจึงสามารถเอาตัวรอดจากเหตุการณ์สูญพันธุ์ของสัตว์ในตระกูลแมวครั้งใหญ่ช่วงท้ายยุคไพลโตซีน ที่เกิดขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือได้อย่างงดงาม
สัตว์นักล่าสายพันธุ์นี้ถึงจะมีชื่อเป็นเสือ และขนาดตัวก็ใหญ่โตเมื่อเทียบกับญาติของพวกมัน แต่ความจริงแล้วสายเลือดของเสือพูม่ามีความใกล้ชิดกับแมวมากกว่าเสือด้วยกัน เนื่องจากพวกมันไม่มีกระดูกไฮออยด์ที่ยืดหยุ่น
นอกจากนี้ยังไม่มีเส้นเสียงขนาดใหญ่ที่ทำให้สามารถส่งเสียงดังได้เหมือนกับเสือสายพันธุ์อื่น พวกมันจึงเป็นเสือที่ไม่สามารถคำรามได้ แต่มันก็ช่วยให้พวกมันสามารถส่งเสียงได้หลากหลายแบบเช่นกัน โดยปกติแล้วเสือพูม่าตัวผู้ที่โตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 72 กิโลกรัม แต่ก็เคยมีการค้นพบเสือตัวผู้ที่มีน้ำหนักสูงถึง 120 กิโลกรัมมาแล้ว ส่วนตัวเมียจะมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 45 กิโลกรัม
ลักษณะที่โดดเด่นคือ อุ้มเท้าขนาดใหญ่ ขาหลังที่ยาวกว่าขาหน้า หากเทียบสัดส่วนขาแล้ว พวกมันจัดเป็นเสือที่มีขาหลังยาวที่สุดเมื่อเทียบกับทั้งเสือและแมว ตามลำตัวปกคลุมไปด้วยขนสั้น ๆ ไม่มีลวดลาย สามารถพบได้หลากหลายสีสัน ไม่ว่าจะเป็นสีเนื้อ สีน้ำตาลทอง หรือแม้แต่สีเทาอ่อน พี่น้องที่เกิดในคอกเดียวกัน สามารถมีสีแตกต่างกันได้ด้วย
รอบปากจะมีขนสีน้ำตาลเข้มเป็นวง ส่วนภายในวงรอบปากจะมีสีขาว ๆ ซีด ๆ ขนาดกะโหลกถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับลำตัว ส่วนสีดวงตาพบได้ตั้งแต่สีเหลืองอมเขียวไปจนถึงสีน้ำตาล มีหูที่กลมและสั้น นอกจากนี้ยังมีเสือพูม่าดำซึ่งเกิดจากเมลานิซึมที่สามารถพบได้บ่อย และยังมีเสือเผือกที่พบได้ไม่บ่อยนัก
ถิ่นที่อยู่อาศัยของเสือพูม่า
เสือพูม่าเป็นสัตว์ที่สามารถพบได้ทั่วไปตั้งแต่รัฐบริติชโคลัมเบียในประเทศแคนาดา ไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้ สามารถอาศัยอยู่ได้ในหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นป่าเขตร้อน ป่าเบญจพรรณ ป่าพืชเมล็ดเปลือย ทุ่งหญ้า ป่ากึ่งทะเลทราย รวมถึงบนภูเขาสูง
พื้นที่หากินจะเริ่มต้นที่ 32 ตารางกิโลเมตร ตัวผู้อาจมีพื้นที่หากินได้มากกว่า 1,000 ตารางกิโลเมตร จากการศึกษาพบว่าพื้นที่หากินของเสือพูม่าตัวผู้ มักครอบคลุมพื้นที่หากินของตัวเมียอยู่หลายตัว และตัวเมียแต่ละตัวก็จะมีพื้นที่การหากินที่ซ้อนทับกันเล็กน้อย แต่กลับไม่ค่อยพบเห็นพื้นที่หากินของตัวผู้ซ้อนทับกัน
กลุ่มสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ตามเทือกเขาหิมาลัย เมื่อถึงช่วงฤดูร้อนพวกมันจะย้ายลงมาหากินในบริเวณพื้นที่ที่ต่ำลงมา เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่บรรดาสัตว์เท้ากีบย้ายถิ่นพอดี
ลักษณะนิสัยของเสือพูม่า
เสือพูม่ามีอาณาเขตการหากินค่อนข้างกว้างขวาง พวกมันจึงใช้วิธีการกำหนดเขตแดนด้วยการพ่นปัสสาวะหรือใช้รอยข่วนบอกตัวอื่น พวกมันค่อนข้างเดินทางเก่ง ในไม่กี่ชั่วโมงสามารถเดินทางได้กว่า 16 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังเป็นนักปีนผาที่มีความสามารถ
ถึงจะไม่ค่อยชอบน้ำ แต่พวกมันก็ว่ายน้ำเก่งไม่แพ้ใคร มีประสาทการมองเห็นและการรับเสียงที่ดีมาก แต่จมูกบอด ไม่ค่อยได้กลิ่นอะไรเท่าไหร่ พวกมันมักจะออกหากินตามลำพังในตอนกลางคืน แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาคือช่วงเช้ามืดและหัวค่ำ
วิธีการล่าเหยื่อของเสือพูม่า จะใช้วิธีการย่องเข้าหาเหยื่อจากด้านหลังแล้วกระโจนตะครุบเหยื่อในระยะประชิด สัตว์ที่เป็นอาหารส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างกระต่าย กระรอกดิน บีเวอร์ ไปจนถึงสัตว์เท้ากีบอย่างม้า กวาง รวมถึงหมูป่าและไคโยตี้ บางทีก็สามารถกินค้างคาวหรือตั๊กแตนได้ด้วย
หากกินเหยื่อที่ล่ามาได้ไม่หมด พวกมันก็จะคาบกิ่งไม้ เศษใบไม้ หรือสิ่งของที่หาได้ใกล้ ๆ เอามาคลุมเหยื่อไว้เพื่อกลับมากินในภายหลัง ในบางครั้งเราอาจพบเห็นพวกมันกินซากสัตว์ที่เหลือจากการล่าโดยสัตว์ตัวอื่นบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะล่าเองมากกว่ากินซาก
พฤติกรรมและการผสมพันธุ์ของเสือพูม่า
ใน 1 ปี เสือพูม่าสามารถเป็นสัตว์ได้หลายครั้ง ถึงจะมีฤดูผสมพันธุ์ แต่ระยะเวลากลับไม่มีความชัดเจน โดยปกติแล้วกลุ่มที่อยู่ทางตอนเหนือ จะออกลูกในช่วงปลายฤดูหนาวไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ กว่าที่เสือตัวผู้จะจีบตัวเมียได้สำเร็จก็ต้องใช้เวลาประมาณ 9 วันเลยทีเดียว แต่มันก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่พวกมันจะได้อยู่ด้วยกัน
นอกจากนี้ พวกมันจะออกลูกประมาณปีเว้นปี ใช้เวลาในการตั้งท้อง 90 วัน สามารถออกลูกได้ตั้งแต่ 1 ตัวไปจนถึงครั้งละ 6 ตัว พวกมันจะหาถ้ำ โพรงไม้ หรือพุ่มไม้ทึบในการออกลูกเพื่อความปลอดภัย
เสือแรกเกิดจะมีลายจุดสีน้ำตาลทั่วตัว แต่เมื่อเติบโตขึ้นจุดเหล่านี้ก็จะหายไป ดวงตาจากสีฟ้าก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีอมเหลืองอมเขียวแทน ลูกเสือพูม่าจะลืมตาหลังจากอายุครบ 10 วัน จากนั้นอีก 4 วันก็จะเริ่มเดินได้
หลังจากลูกเสือมีอายุได้ 6 สัปดาห์ ก็จะเริ่มกินเหยื่อกับแม่ แต่ก็ยังคงกินนมแม่ด้วย หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยเมื่อมีอายุประมาณ 16 เดือน แต่ก็จะยังอยู่กับแม่ไปจนอายุ 24 เดือน ก่อนที่จะแยกย้ายจากแม่ไปอยู่ตามลำพัง พออายุครบ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี พวกมันก็จะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์
เสือพูม่ากับอนาคตที่ไม่แน่นอน ภัยคุกคามและแนวทางการอนุรักษ์
สำหรับบรรดาสัตว์ป่าแล้ว เสือพูม่า เป็นนักล่าผู้ดุร้าย พวกมันอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติ แต่ไม่ใช่กับมนุษย์ที่อยู่บนห่วงโซ่อาหารที่เหนือกว่า แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันกลับไม่ใช่สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ถึงขนาดที่มีสถานการณ์น่ากังวล
ในสหรัฐอเมริกาเคยมีโครงการควบคุมจำนวนสัตว์ผู้ล่าและทำให้พวกมันถูกกำจัดจากโครงการนี้นับร้อยตัว นอกจากนี้ยังมักประสบปัญหาชุมชนมาก่อตั้งใกล้ที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมัน พวกมันจึงมักต้องถูกรถชนตายบ้าง ถูกกำจัดจากเจ้าของฟาร์มบ้าง ถูกวางยาเบื่อบ้าง
แต่ไม่ว่าจะถูกล่าหรือถูกกำจัดอย่างหนักแค่ไหน จำนวนของเสือพูม่าก็ยังคงมีมากอยู่เหมือนเดิม จะมีเพียงแค่สายพันธุ์ Florida เท่านั้น ที่สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะในช่วงศตวรรษที่ 19 พวกมันถูกกวาดล้างอย่างหนัก ทำให้ในปัจจุบันมีประชากรเหลืออยู่ต่ำกว่า 50 ตัว คาดกันว่าอีก 30 ปีข้างหน้า พวกมันอาจจะไม่เหลือรอดอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะไม่น่าเป็นห่วง แต่การดูแลสัตว์ป่าให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าด้วยน้ำมือมนุษย์ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นจริยธรรมที่มนุษย์พึงมี ด้วยเหตุนี้จึงมีบางประเทศที่ประกาศห้ามล่าโดยเด็ดขาด อย่างเช่น อาร์เจนตินา โบลิเวีย หรือบราซิล ส่วนบางประเทศใช้วิธีการควบคุมการล่า อย่างแคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของบรรดาสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me
