แรดชวา สัตว์ป่าหายากที่ถูกคุกคามอย่างหนักจนเสี่ยงสูญพันธุ์

by animalkingdom
284 views
แรดชวา

เมื่อวันเวลาผ่านไปแน่นอนว่าคงไม่มีใครสามารถอยู่ได้อย่างยืนยง แม้แต่สายพันธุ์ของสัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไดโนเสาร์ก็ยังสูญพันธุ์ได้ แต่ในกรณีของแรดชวาที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่สัตว์ต้องมีการสูญพันธุ์ไปบ้าง แต่การสูญพันธุ์ด้วยน้ำมือมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ซึ่งแรดชวาถือว่าเป็นสัตว์อีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์อยู่ในปัจจุบัน และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าสัตว์ชนิดนี้คือใคร มาจากไหน และเพราะเหตุใดพวกเขาจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เสี่ยงสูญพันธุ์จนเข้าขั้นวิกฤต ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับแรดชวา สัตว์ที่มีความน่าสนใจ 

แรดชวา

แรดจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอันดับสัตว์กีบคู่ ที่ในอดีตมีด้วยกันหลายพันธุ์ แต่แรดชวาเป็นเพียงแค่ 1 ใน 5 ของสายพันธุ์แรดที่ยังคงเหลืออยู่มาจนถึงในปัจจุบันนี้ ตามธรรมชาติพวกเขาสามารถมีอายุได้ยืนยาวตั้งแต่ 30 ปีไปจนถึง 45 ปีเลยทีเดียว 

ที่อยู่อาศัยของพวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นป่าดิบชื้น ลุ่มน้ำขนาดใหญ่ และป่าหญ้าชื้น พวกเขามักอยู่อย่างสันโดษโดยที่ไม่รวมฝูงกันแต่อย่างใด จะอยู่รวมกันเฉพาะช่วงผสมพันธุ์และดูแลลูกเท่านั้น หากเปรียบเทียบกับญาติอย่างแรดอินเดียแล้ว พวกเขาจะมีขนาดที่เล็กกว่า แต่จะมีขนาดที่ใกล้เคียงกับญาติอีกฝั่งอย่างแรดดำ 

ความยาวลำตัวนับตั้งแต่หัวไปจนถึงหางจะอยู่ที่ประมาณ 3.2 เมตร สามารถสูงสุดได้ถึง 1.7 เมตร มีน้ำหนักได้มากสุดกว่า 2.3 ตันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่พวกเขาหาได้ยาก แถมยังมักหนีอย่างรวดเร็วเมื่อเจอภัยคุกคามจนจัดเป็นสัตว์หายาก ดังนั้นข้อมูลในส่วนนี้จึงไม่เคยมีการวัดอย่างแม่นยำแต่อย่างใด 

ระหว่างตัวผู้กับตัวเมียจะไม่ได้มีความแตกต่างที่สามารถแยกได้อย่างชัดเจน พวกเขามีนอเดียวเหมือนกับแรดอินเดีย ในขณะที่แรดสายพันธุ์อื่นจะมีถึงสองนอ นอของแรดชวามีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาญาติพี่น้อง มีความยาวไม่เกิน 20 เซนติเมตรเท่านั้น ส่วนความยาวสูงสุดที่เคยบันทึกได้อยู่ที่ 27 เซนติเมตร 

นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้อวัยวะส่วนนี้ในการต่อสู้แต่อย่างใด คาดการณ์กันว่ามันเป็นอวัยวะที่ใช้ในการดัดต้นไม้เพื่อกินอาหาร ใช้ในการขุดโคลน หรือใช้ดันสิ่งของที่ล้มกีดขวางทางเดิน ปากบนของพวกเขาจะมีความแหลมยาวเพื่อช่วยให้สามารถเล็มกินพืชผักหรือผลไม้ได้ง่าย ฟันหน้าด้านล่างยื่นยาวออกมาและมีความแหลมคม 

แต่ปกติพวกเขาจะใช้ในการต่อสู้เป็นส่วนใหญ่ ด้านหลังของฟันหน้าจะมีฟันกรามที่เป็นกลุ่ม ใช้สำหรับการบดเคี้ยวพืชที่มีความหยาบ ถึงแม้ว่าประสาทการฟังเสียงและการดมกลิ่นจะยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็มีปัญหาเรื่องสายตาเหมือนกับเพื่อนร่วมสายพันธุ์เช่นเดียวกัน 

แรดชวา

โดยทั่วไปแล้วแรดชวาเป็นสัตว์ที่ไม่มีขน มีผิวหนังเป็นสีน้ำตาลเทาไปจนถึงสีเทาออกดำ มีรอยพับที่สามารถเห็นได้ชัดบริเวณขาหลังด้านหน้า ไหล่ และสะโพก ดังนั้นหากมองแบบผิวเผินพวกเขาจึงดูเหมือนกำลังใส่ชุดเกราะอยู่ยังไงอย่างนั้น 

ตามธรรมชาติพวกเขามักจะลงไปแช่อยู่ในปลักในโคนเพื่อให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลง แถมโคลนยังช่วยป้องกันผิวหนังของพวกเขาจากแมลงและปรสิตภายนอกได้อีกด้วย เป็นพฤติกรรมที่ชดเชยการไม่มีขนเป็นตัวป้องกันแมลงและปรสิตนั่นเองส่วนอาหารของพวกเขาก็มีหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นใบไม้ กิ่งไม้ หน่อของต้นไม้ หรือแม้แต่ผลไม้ที่ตกลงมาบนพื้นดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

สำหรับการสืบพันธุ์ตัวเมียจะถึงวัยเจริญพันธุ์หลังจากมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป ส่วนตัวผู้จะพร้อมผสมพันธุ์เมื่อมีอายุประมาณ 6 ปี ใช้เวลาตั้งท้องยาวนานตั้งแต่ 16 เดือนไปจนถึง 19 เดือน การกำเนิดลูกแต่ละครั้งจะเว้นระยะห่างยาวนานตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไปเลยทีเดียว หลังจากคลอดลูกแล้วพวกเขาก็จะอยู่ดูแลลูกต่อไปอีก 2 ปี 

เปิดถิ่นอาศัยของแรดชวาตามธรรมชาติ 

แรดชวา

เราสามารถพบแรดชวาได้ในบริเวณเกาะของประเทศอินโดนีเซียมาจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศอินเดีย และประเทศจีน พวกเขาหาดูได้ยากประกอบกับการที่พวกเขาเป็นสัตว์ตัวใหญ่ทำให้พวกเขาไม่ถูกนำเอามาจัดแสดงในสวนสัตว์ทั่วทั้งโลก 

ในปัจจุบันมีเพียง 1 แห่งบนโลกที่ยังคงพบประชากรแรดชวาหลงเหลืออยู่ นั่นก็คือในอุทยานแห่งชาติอูจุงกูลบนเกาะชวาของอินโดนีเซีย คาดว่ามีประชากรอยู่เพียงแค่ไม่เกิน 50 ตัวเท่านั้น ในอดีตเคยพบกลุ่มพวกเขาจำนวนประมาณ 8 ตัว อยู่ในอุทยานแห่งชาติก๊าตเตียนของประเทศเวียดนาม แต่ปัจจุบันได้รับการยืนยันว่าพวกเขาสูญพันธุ์จากเวียดนามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ถึงแม้ว่าจะมีการประมาณการแบบมองโลกในแง่ดีว่า บนโลกใบนี้ยังคงมีแรดชวาอยู่เป็นจำนวนกว่า 100 ตัวตามธรรมชาติ แต่พวกเขาก็ยังจัดว่าเป็นสัตว์ที่ถูกคุกคามจนตกอยู่ในสภาวะวิกฤตมากที่สุดอีกสายพันธุ์หนึ่งในโลก 

สำหรับในประเทศไทยของเรานั้นมีรายงานตั้งแต่ปี 2514 ว่า พบพวกเขาบริเวณเทือกเขาตะนาวศรีรวมไปถึงป่าลึกบริเวณรอยต่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระนอง และพังงา แต่น่าเสียดายที่สำหรับประเทศไทยพวกเขาถูกจัดให้เป็นสัตว์สูญพันธุ์ตามธรรมชาติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ภัยคุกคามจากมนุษย์ สาเหตุที่ทำให้แรดชวาเสี่ยงสูญพันธุ์มากที่สุด 

แรดชวา

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้แรดชวากลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เกิดมาจากมนุษย์อย่างเราเอง มีความเชื่อว่า “นอ” ของพวกเขาสามารถใช้ในการรักษาหรือการบำรุงร่างกายได้ตามตำรับแพทย์แผนจีน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงถูกล่าเพื่อเอานอไปขายด้วยราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 30,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว 

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว นอของพวกเขามีส่วนประกอบเหมือนกับเส้นผมและเล็บของมนุษย์ ที่ไม่สามารถบำรุงร่างกายหรือใช้รักษาโรคได้แต่อย่างใด นอกจากนี้ภัยสงครามในเวียดนามยังส่งผลต่อการฟื้นฟูจำนวนประชากรพวกเขาอีกด้วย ทำให้สัตว์สายพันธุ์นี้ในเวียดนามต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย 

สำหรับในประเทศไทยของเราเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่แรดชวาถูกจัดเป็นสัตว์คุ้มครองช้าจนเกินไป ทำให้สัตว์สายพันธุ์นี้ได้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติของเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังถูกจัดให้เป็นสัตว์สงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าอยู่ดี 

เพื่อที่หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาที่หลบซ่อนตัวปรากฏกายขึ้นมา จะได้มีกฎหมายที่ช่วยคุ้มครองและไม่ต้องเผชิญกับชะตากรรมชีวิตที่น่าสงสารจากน้ำมือของมนุษย์อีกต่อไป 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment