ทำความรู้จักกับสก็อตติช โฟลด์ แมวหน้ากลมหูพับสุดน่ารัก 

by animalkingdom
114 views
สก็อตติช โฟลด์

เดี๋ยวนี้มีแมวมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ที่ออกมาอวดความน่ารักกันบนโลกโซเชียลให้เราได้งุ้ยยยย กันอยู่หน้าจอ และหนึ่งในสายพันธุ์ที่น่ารักจนใจเจ็บก็คือ สก็อตติช โฟลด์ แมวที่มาพร้อมกับใบหน้ากลมป๊อกเหมือนกับซาลาเปา และหูพับจนทุกอย่างกลมไปหมด ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงสามารถทำให้หลายคนใจละลาย จนอยากจับจองเป็นเจ้าของกันทั่วโลก ใครที่สนใจอยากเลี้ยงพวกเขา เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขากันในวันนี้

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

สก็อตติช โฟลด์ แมวยอดนิยมที่มีถิ่นกำเนิดในสกอตแลนด์ 

สก็อตติช โฟลด์

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า สก็อตติช โฟลด์ เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศสกอตแลนด์ โดยคนเลี้ยงแกะผู้หนึ่งที่มีชื่อว่า “วิลเลียม รอส” เขาได้พบกับแมวตัวหนึ่งที่อยู่ภายในโรงนาเพื่อนบ้านเมื่อปี 1961 แมวตัวนั้นมีลักษณะพิเศษนั่นก็คือ มีขนสีขาวตลอดทั้งลำตัวและมีหูพับจนกลืนไปกับใบหน้ากลม ๆ ของมัน

โดยเจ้าแมวตัวนี้มีชื่อว่า “ซูซี่” วิลเลียมรู้สึกชอบซูซี่มากเป็นพิเศษ และหลังจากที่เจ้าแมวน้อยได้ให้กำเนิดลูกออกมาเขาก็ได้ตั้งชื่อมันว่า “สนูกส์” หลังจากที่เจ้าสนูกส์โตขึ้น เขาก็ได้นำเจ้าสนูกส์มาผสมพันธุ์กับแมวสายพันธุ์บริติช ชอร์ตแฮร์ และถือว่าเป็นการกำเนิดขึ้นของแมวหูพับอย่างแท้จริง

ด้วยความน่ารักทำให้พวกมันเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก มีการนำเอาสายพันธุ์ไปปรับปรุง จนกระทั่งในปี 1966 ก็ได้ตั้งชื่อว่า สก็อตติช โฟลด์ อย่างเป็นทางการในที่สุด โดยชื่อ สก็อตติช มาจากคำว่าสกอตแลนด์ เป็นการให้เกียรติถิ่นกำเนิดของพวกเขาเป็นครั้งแรก ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกและได้รับความนิยมในการเลี้ยงไม่แพ้แมวสายพันธุ์อื่นเลยแม้แต่น้อย

เปิดลักษณะของ สก็อตติช โฟลด์ ตามมาตรฐานสายพันธุ์ที่ได้รับการรับรอ

สก็อตติช โฟลด์

สิ่งที่ทำให้แมวสายพันธุ์สก็อตติช โฟลด์ โดดเด่นมากที่สุดก็คือ ลักษณะภายนอกของพวกเขา พวกเขาจัดเป็นแมวขนาดกลางที่มีรูปร่างกลมแต่กะทัดรัด น้ำหนักตัวจะอยู่ที่ประมาณ 2.5-5.8 กิโลกรัม แล้วแต่ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย

ลักษณะพิเศษคือการมีใบหน้าและศีรษะที่กลม ใบหูขนาดเล็กและพับลงต่ำมาข้างหน้า ทำให้พวกเขาดูเหมือนกับแมวที่ไม่มีหู มีดวงตากลมโตเหมือนกับนกฮูก ช่วงคอสั้นจนแทบจะมองไม่เห็น สันจมูกกว้างรับเข้ากับดวงตาพอดี บางตัวปากจะโค้งรับกับคางทำให้ดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา

สถาบัน The Cat Fanciers Association ได้แบ่ง สก็อตติช โฟลด์ ออกเป็น 2 ประเภท นั่นก็คือ สายพันธุ์ขนสั้นและขนยาว ทำให้การดูแลหรืออาหารของแมวทั้ง 2 ประเภท มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย สายพันธุ์ขนสั้นจะมีขนที่นุ่มละเอียดและหนา สำหรับสายพันธุ์ขนยาวจะมีขนตามลำตัวที่ยาวเป็นพิเศษ ส่วนบนใบหน้าหรือโคนขาขนจะสั้นกว่าตามลำตัว

สีที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสายพันธุ์คือ สีขาว สีดำ สีน้ำเงิน สีแดง สีครีม สีเทา สีน้ำตาลไหม้ และสีลูกวัวหรือสีน้ำตาลแกมเหลือง อายุขัยเฉลี่ยของพวกเขาจะอยู่ที่ 8 ปีไปจนถึง 15 ปี แล้วแต่ความเหมาะสมในการเลี้ยงดูและสุขภาพของแต่ละตัว

รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสก็อตติช โฟลด์ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลี้ยง

สก็อตติช โฟลด์

สำหรับใครที่หลงเสน่ห์เจ้าแมวสก็อตติช โฟลด์จนถอนตัวไม่ขึ้น อยากจะลองเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้ดูสักครั้ง มีสิ่งต่าง ๆ มากมายเลยทีเดียวที่คุณควรรู้ อย่าประมาทว่าแค่เลี้ยงเจ้าเหมียวธรรมดาคงไม่มีอะไรมากมาย เพราะแมวตัวเล็ก ๆ ทุกสายพันธุ์ ล้วนแล้วแต่สามารถสร้างความปวดหัวให้กับคุณได้ทั้งสิ้น จะมีอะไรที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจรับแมวสายพันธุ์นี้มาเลี้ยงบ้าง ไปดูกัน

นิสัย

พวกเขาค่อนข้างรับมือง่ายกว่าแมวสายพันธุ์อื่น ทำให้การเลี้ยง มีวิธีเลี้ยง สก็อตติช โฟลด์ เป็นมิตรกับมือใหม่ไปด้วย พวกเขาทั้งฉลาดหลักแหลม มีความสุภาพอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่าย สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้เป็นอย่างดี และยังชื่นชอบการแสดงความรักกับเจ้าของเป็นอย่างมาก 

หากได้รักใคร พวกเขาจะติดคนคนนั้นแบบสุดๆ แต่ในขณะเดียวกันเองพวกเขาก็ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญแต่อย่างใด สามารถเข้ากับเด็กและครอบครัวได้เป็นอย่างดี ใครที่เลี้ยงสัตว์ตัวอื่นอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวล เพราะพวกเขาสามารถเข้ากับสัตว์ตัวอื่นได้ด้วย

สก็อตติช โฟลด์

การดูแล

วิธีการดูแลสก็อตติช โฟลด์ ไม่ได้ต่างจากการแมวสายพันธุ์อื่น พวกเขาอาจจะดูอ้วนกลมจนทำให้คุณรู้สึกว่าต้องพาไปออกกำลังกาย แต่พวกเขาไม่ได้ต้องการการออกกำลังกายมากนัก ขอเพียงแค่ให้พวกเขาได้ออกแรงบ้างในแต่ละวัน อย่างเช่น การเล่นของเล่น การเล่นกับเจ้าของหรือเล่นกับไม้ตกแมว เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว หรือจะเล่นด้วยของเล่นที่มีความซับซ้อนเพื่อเป็นการพัฒนาสมองก็ได้เช่นกัน

ในส่วนของอาหาร เราจะต้องจัดให้เหมาะสมกับช่วงวัยและสัดส่วนความต้องการของพวกเขา ในแต่ละวันพวกเขาควรได้รับอาหารที่มีปริมาณแคลอรีประมาณ 60-80 กิโลแคลอรีต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่ควรให้ปริมาณมากกว่านี้ เพราะจะทำให้พวกเขาเป็นโรคอ้วนได้

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment