
เชื่อว่าหลายคนคงตกเป็นทาสแมวด้วยเสน่ห์ที่เหลือล้นของพวกเขา ถึงพวกเขาจะดูสวยงามและเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเสียเหลือเกิน อย่างไรก็ตามหลายคนก็ยังอยากที่จะเลี้ยงพวกเขาโดยเฉพาะแมวเปอร์เซีย แมวที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นขนที่ยาวสลวย หน้าตาที่น่ารักเหมือนกับตุ๊กตา ลำตัวอ้วนกลมน่าฟัด สำหรับใครที่สนใจอยากจะลองเลี้ยงแมวเปอร์เซีย วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับแมวเปอร์เซีย สัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่หลายคนตกหลุมรัก

แน่นอนว่าหากเราดูจากชื่อของพวกเขาแล้ว แมวเปอร์เซีย ต้องเป็นแมวที่มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณเปอร์เซียตามชื่อของพวกเขาอย่างแน่นอน ซึ่งจะอยู่ในบริเวณประเทศอิหร่านและตุรกีในปัจจุบัน มีการค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับพวกเขาโดยนักประวัติศาสตร์ว่า
ในปี 1684 พ่อค้าจากเปอร์เซียมักบรรทุกสินค้ามาขายเป็นคาราวาน และพบว่ามีแมวขนยาวติดมากับคาราวานในการเดินทางด้วย มีการสันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของพวกเขานั้น ได้เข้ามาในทวีปยุโรปตั้งแต่ในช่วงปี 1620 และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนได้รับการขยายพันธุ์และแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปในภายหลัง
เข้าสู่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้มีนักพัฒนาสายพันธุ์จากอังกฤษผู้หนึ่ง ได้นำเอาแมวเปอร์เซียมาผสมกับแมวสายพันธุ์อื่น เพื่อให้พวกเขามีขนที่ทั้งหนาและยาวมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้แมวที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนั้น เป็นแมวที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากการพัฒนาสายพันธุ์ ก็ได้มีการนำเอาไปขายในฝั่งสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1900 และเริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จนในปัจจุบันแมวเปอร์เซียกลายมาเป็นแมวน่ารักที่ผู้คนนิยมเลี้ยงไปทั่วทั้งโลก

ลักษณะทั่วไปของแมวเปอร์เซีย
แมวเปอร์เซียนั้นดูเป็นแมวตัวใหญ่ก็จริง แต่ความจริงแล้วพวกเขาจัดอยู่ในกลุ่มของแมวขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่แล้วแต่ตัว พวกเขามีโครงสร้างกระดูกที่แข็งแรงและใหญ่เป็นอย่างมาก หากเทียบกับแมวไทยหรือแมวสายพันธุ์อื่นที่เล็กกว่า พวกเขานั้นจึงดูมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง
โดยตัวเมียสามารถมีน้ำหนักได้ถึง 5 กิโลกรัม ส่วนตัวผู้นั้นก็มีน้ำหนักได้ถึง 6 กิโลกรัม พวกเขามีหัวและใบหน้าที่กลมโต หน้าผากโหนกนูน มีแก้มเป็นก้อนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตและวางอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างห่างกัน
ความโดดเด่นบนใบหน้าของพวกเขาก็คือจมูกที่หักเข้าไปจนเหมือนกับตุ๊กตา หน่วยงาน CFA หรือ The Cat Fanciers Association ได้ระบุว่า แมวเปอร์เซียจะต้องมีลำตัวที่สั้นและกลม มีหัวกลม ขาสั้น คอสั้น หูเล็กและปลายหูมีความแหลมเป็นทรงสามเหลี่ยม หางจะสั้นและตรง
บริเวณหางของพวกเขานั้นจะมีขนที่ฟูเหมือนกับกระรอก จมูกสั้น ขนยาวและฟู ท่าทางการเดินมีความสง่างาม ปากโค้งเข้ากับคางพอดี มีขนที่มันวาวและเส้นขนยาวตลอดทั้งลำตัว บริเวณนิ้วเท้า ขาหน้า หาง และใบหูจะมีขนเล็กขึ้นแซมอยู่
ส่วนสีขนนั้นมีมากมายหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ขนสีเดียวไปตลอดทั้งตัวหรืออาจจะมีได้ถึง 3 สีในตัวเดียวก็ได้เช่นเดียวกัน มีลวดลายที่หลากหลาย สีที่พบส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยสีขาว สีครีม สีน้ำเงิน สีช็อคโกแลต หรือสีแดง อายุขัยโดยเฉลี่ยของพวกเขานั้นจะอยู่ที่ประมาณ 8 ปีไปจนถึง 15 ปี หากเราดูแลให้พวกเขามีสุขภาพดีก็อาจจะสามารถอยู่ได้นานกว่านั้น
รวมสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเลี้ยงแมวเปอร์เซียเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

แมวเปอร์เซีย เหมาะกับคนเลี้ยงสัตว์มือใหม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขามีนิสัยที่สุภาพอ่อนโยน มีความสงบเสงี่ยมไม่กระโตกกระตาก ฉลาดหลักแหลม ว่านอนสอนง่าย ไม่ชอบวิ่งเล่นสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มักจะอยู่นิ่งๆ มากกว่า
ลักษณะนิสัยก็มีได้หลายแบบ ทั้งตัวที่ชื่นชอบการอยู่กับมนุษย์และขี้อ้อน ในขณะที่บางตัวก็ชอบความเป็นส่วนตัวและไม่ชอบให้ใครมายุ่งก็มีเช่นเดียวกัน เป็นการเสี่ยงดวงที่ทาสแมวแต่ละคนจะเจอแมวที่ไม่เหมือนกัน พวกเขาปรับตัวได้ดีก็จริงแต่ไม่ค่อยชอบเสียงดังสักเท่าไหร่
เวลาฝนตกฟ้าร้องก็อาจจะทำให้พวกเขารู้สึกไม่ชอบใจหรือหวาดกลัวได้ จึงต้องระวังเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้สัตว์เลี้ยงเอาไว้แก้เหงาแต่ไม่อยากโดนรบกวนจนเกินไป หรือคนที่อาศัยอยู่กับครอบครัวที่มีเด็ก พวกเขาสามารถเข้ากับเด็กได้ดีหากเด็กไม่ไปรบกวนพวกเขามากนัก ยิ่งฝึกให้อยู่ด้วยกันตั้งแต่ยังเด็กยิ่งเข้ากันได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม

แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่ต้องการการออกกำลังกายแต่ไม่ต้องมากจนเกินไป ขอเพียงแค่เราเล่นกับพวกเขาด้วยไม้ตกแมวหรือของเล่นเพื่อเป็นการออกกำลังในบ้านก็เพียงพอ ไม่จำเป็นที่จะต้องพาไปวิ่งออกกำลังกายนอกบ้าน
หรือหากพวกเขาชอบเที่ยวจะพาพวกเขาไปเดินเล่นสักวันละ 30 นาทีก็ได้เช่นเดียวกัน จะช่วยให้พวกเขามีร่างกายที่แข็งแรงและสุขภาพจิตดี เพราะการให้พวกเขาอยู่แต่ในบ้าน ก็อาจทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน
สำหรับอาหารนั้นพวกเขาต้องการประมาณวันละ 60 กิโลแคลอรี่ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หากพวกเขามีน้ำหนักตัว 5 กิโลกรัม ก็ต้องการอาหารวันละ 300 กิโลแคลอรี่นั่นเอง แต่เราอาจจะต้องระวังให้ดีหากพาพวกเขาไปทำหมัน
เพราะมันมีความเสี่ยงที่จะทำให้พวกเขาเป็นแมวอ้วนได้ง่าย เราอาจต้องเลือกอาหารสูตรแมวทำหมันหรือสูตรเลี้ยงในบ้าน เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักให้กับพวกเขา ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้พวกเขามีปัญหาสุขภาพร่างกายตามมาได้ในอนาคต
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me