วันนี้ Animal kingdom จะพาทุกคนมารู้จักกับ “งูกะปะ” สัตว์เลื้อยคลานที่มีพิษร้ายแรงต่อระบบหมุนเวียนเลือด พวกมันจะมีลักษณะเป็นอย่างไร พิษของมันจะร้ายแรงแค่ไหน ไปติดตามกันได้เลยค่ะ
ลักษณะรูปร่างทั่วไปของงูกะปะ
งูกะปะมีส่วนหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม แต่มีลำตัวที่อ้วนและมีคอขนาดเล็ก ซึ่งจะมีหางที่เรียวและสั้น โดยลวดลายของมันจะคล้ายกับรูปหลังคาบ้านอยู่บริเวณด้านข้างของลำตัว ส่วนสีนั้นจะเป็นสีเทาอมชมพูและมีลายสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งลักษณะเกล็ดของสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่ ส่วนจะงอยปากของพวกมันจะงอนขึ้นข้างบน โดยจะมีความยาวลำตัวอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร
พฤติกรรม
สัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้มักจะออกหากินช่วงพลบค่ำ หรือตอนกลางคืน ยิ่งเป็นช่วงที่มีความชื้นในอากาศสูงอย่างช่วงหลังฝนตก มันมักจะชอบอาศัยอยู่ในดินที่มีเศษซากไม้หรือใบไม้ทับถมกัน เพื่อเป็นการซ่อนอำพรางตัวเอง ด้วยสีสันและลวดลายของงูกะปะ ทำให้มันสามารถพรางตัวอยู่กับสภาพแวดล้อมได้ดี แต่จะเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ไม่ค่อยปราดเปรียว เวลาที่มันตกใจนั้นมันจะขดตัวหรือนิ่งไปทันที แต่มันเป็นงูที่ฉกกัดได้อย่างรวดเร็วมาก โดยสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้จะชอบกินสัตว์ขนาดเล็กกินเป็นอาหารอย่างเช่น นก หนู และสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดเล็กบางชนิด
การกระจายพันธุ์
สามารถพบการกระจายพันธุ์ได้ทั่วไปตามภูมิภาคอินโดจีนไปถึงแหลมมายู สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภูมิภาค แต่สัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้จะพบได้มากที่สุดที่ภาคใต้ โดยพวกมันเป็นงูที่สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่มีการทำเกษตรได้ เช่น สวนปาล์มน้ำมันและสวนยางพาราได้ดี จึงมักจะพบผู้ที่ถูกสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้กัดอยู่บ่อย ๆ
ถูกงูชนิดนี้กัดจะมีอาการอย่างไร
พิษของพวกมันมีผลต่อระบบเลือด เมื่อถูกสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้กัดจะทำให้เลือดไหลออกมากผิดปกติ และเลือดจะไหลตลอดเวลา ในช่วงแรกที่ถูกกัดผิวหนังจะเกิดอาการพองและมีน้ำใส ๆ เมื่อผ่านไปสักระยะ จะเริ่มมีเลือดไหลออกมา หลังจากที่ถูกมันกัดผ่านไปประมาณ 10 นาที บริเวณรอบแผลที่ถูกกัดบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง อวัยวะที่ถูกกัดจะบวมไปทั้งหมด และบริเวณที่เกิดอาการบวมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ หากไม่ได้รับการฉีดเซรุ่มเพื่อรักษา หลังจากที่ถูกกัดไปได้ไม่กี่วัน แผลจะเกิดอาการเน่า ทำให้ผิวหนังมีเลือดออกตามจุดต่าง ๆ และทำให้เลือดออกในทางเดินอาหาร สุดท้ายผู้ที่ถูกสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้มีโอกาสที่จะเสียชีวิต จากอาการความดันโลหิตต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากการเสียเลือดมากเกินไป