ในประเทศไทยของเรานั้นมีสัตว์แปลก ๆ อยู่มากมายไม่แพ้ต่างประเทศ อย่างเช่น ตะกอง สัตว์ที่ถือว่ามีความแปลกไม่น้อยหน้าสัตว์ชนิดไหน และทราบหรือไม่ว่าพวกเขาคือกิ้งก่าขนาดยักษ์ที่เป็นที่มาของชื่อแม่น้ำลำตะคองเลยทีเดียว หมายความว่าพวกเขามีความสำคัญและเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของชาวไทยมาช้านาน แต่น่าเสียดายที่ในช่วงหลังมานี้พวกเขาไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ หลายคนหลงลืมสัตว์สายพันธุ์นี้กันไปตามกาลเวลา แถมจำนวนประชากรพวกเขายังลดลงจนน่าใจหายอีกต่างหาก วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นกัน ก่อนที่พวกเขาจะไม่อยู่ให้เราได้เห็นตามธรรมชาติอีกต่อไป
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับตะกอง กิ้งก่ายักษ์ที่เริ่มหาได้ยากในประเทศไทย
ตะกอง มีอีกชื่อเส้นหนึ่งว่า ลั้ง พวกเขาจัดเป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ยักษ์ที่ลักษณะภายนอกดูใกล้เคียงกับอีกัวน่าเป็นอย่างมาก พื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขาสามารถพบได้มากสุดในประเทศไทยของเรานี่เอง สาเหตุที่เราเรียกพวกเขาว่ากิ้งก่ายักษ์ นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขามีขนาดตัวที่ใหญ่โตเป็นอย่างมาก
ใครได้เจอตะกองเข้าตามธรรมชาติอาจตกใจกลัวก็เป็นได้ เนื่องจากเมื่อโตเต็มที่แล้ว สามารถมีความยาวลำตัววัดจากปลายจมูกไปถึงหางได้กว่า 120 เซนติเมตรเลยทีเดียว หากเทียบความยาวดังกล่าวกับส่วนสูงของมนุษย์ก็คงจะเท่ากับเด็กประถมคนหนึ่ง
ตัวเมียจะมีขนาดตัวเล็กกว่าตัวผู้ไม่เกิน 1 ฟุตเท่านั้น ลักษณะหัวจะดูป้อมมากกว่า สีตามลำตัวมีความเข้มมากกว่า
วิธีการแยกพวกเขาออกจากกิ้งก่าสายพันธุ์อื่นก็คือ บริเวณหางจะมีแถบสีเป็นข้อปล้องคล้ายกับม้าลาย โดยส่วนใหญ่แล้วตะกองจะมีลำตัวเป็นสีเขียวเข้ม แต่ก็จัดว่าเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีสายพันธุ์หนึ่งที่สามารถปรับสีของตัวเองให้อ่อนลงหรือเข้มขึ้นได้ แล้วแต่สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย
เป็นวิวัฒนาการที่ช่วยให้ตะกองยังคงสามารถเอาชีวิตรอดท่ามกลางธรรมชาติที่โหดร้ายได้ แต่ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก บางตัวจะมีหัวเป็นสีฟ้าหรือสีม่วงที่ดูสวยงามแตกตาไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อโตขึ้น หัวของตัวผู้จะมีโหนกที่นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด อายุเฉลี่ยของพวกเขาอยู่ที่ประมาณ 30 ปี
พฤติกรรมและวิถีชีวิต
ตะกองเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ชื่นชอบการหากินอยู่ตามบริเวณที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่มักพบในป่าทึบอย่างบริเวณริมห้วยหรือในป่าดิบแล้ง ความน่ารักของพวกเขาก็คือ เวลาที่ตกใจหรือสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม พวกเขาจะวิ่ง 2 ขาอย่างรวดเร็ว โดย 2 ขาหน้าจะแนบชิดกับลำตัว แถมยังสามารถกระโดดลงน้ำได้อีกด้วย
ตะกองกลั้นหายใจใต้น้ำได้เป็นเวลาค่อนข้างนาน อาหารโปรดของพวกเขามีทั้งโปรตีนและผักผลไม้ อย่างเช่นแมลง กบ ปลาขนาดเล็ก หนูตัวเล็ก ผลไม้สุกตามต้น โดยปกติแล้วพวกเขาจะออกหากินในตอนกลางวัน และพักผ่อนในตอนกลางคืน
ฤดูผสมพันธุ์ของพวกเขาจะเริ่มต้นในเดือนเมษายน ลากยาวไปจนถึงเดือนพฤษภาคมกว่าจะวางไข่ หลังจากผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้ว ตะกองตัวเมียก็จะวางไข่เป็นจำนวน 10 ฟอง ในพื้นที่บริเวณดินทราย ขุดหลุมลึกลงไปในพื้นดิน มีความกว้างและความยาวเท่ากันนั่นก็คือประมาณ 15 เซนติเมตร
เราสามารถพบพวกเขาได้ตามบริเวณที่มีลำธารหรือใกล้กับน้ำตก โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ป่าดิบเขาที่ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 800 เมตรขึ้นไป ทั้งในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แม่น้ำปราจีนบุรี แม่น้ำลำพระเพลิง แม่น้ำนครนายก คลองลำตะคอง หรือห้วยมวกเหล็กตะกอง
ซึ่งชื่อของคลองลำตะคองและห้วยมวกเหล็กตะกอง ถูกตั้งขึ้นมาตามชื่อของพวกเขา อย่างคลองลำตะคองก็มีเสียงเพี้ยนมาจากชื่อตะกองของพวกเขานั่นเอง เนื่องจากบริเวณเหล่านี้เป็นบริเวณที่สามารถพบพวกเขาได้มากที่สุด
ตะกองอาจหายไปจากประเทศไทย หากเราไม่ดูแลธรรมชาติ
สถานภาพปัจจุบันของตะกองถูกจัดว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากเราแทบจะไม่สามารถหาพวกเขาได้ตามธรรมชาติอีกต่อไป มนุษย์เป็นภัยคุกคามที่โหดร้ายมากที่สุดสำหรับพวกเขา เนื่องจากบางคนจับพวกเขาไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง บางคนก็จับพวกเขาไปประกอบอาหาร
ในขณะที่บางคนไม่ได้ยุ่งกับพวกเขาโดยตรง แต่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าหรือพื้นที่ธรรมชาติที่พวกเขาอยู่อาศัย ทำให้วิถีชีวิตของพวกเขาได้รับผลกระทบ ล่าสุดพวกเขาจึงกลายเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่านั่นเอง
ความจริงแล้วหลายหน่วยงานและองค์กรอิสระพยายามที่จะอนุรักษ์ตะกองเอาไว้ เนื่องจากพวกเขาเป็นสัตว์แปลกที่หาได้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น และที่สำคัญคือสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาเพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศในธรรมชาติ
หากมีสัตว์สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้ ห่วงโซ่วัฏจักรชีวิตของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ก็จะได้รับผลกระทบกันไปแบบเต็ม ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์อย่างเราเองก็ตาม
พวกเขาเคยพบได้มากและมีความสำคัญจนเราเอาไปตั้งเป็นชื่อสถานที่กันมาแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ต้องดูแลรักษาสายพันธุ์สัตว์ทุกชนิดที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ให้พวกเขายังคงสามารถดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อไปในอนาคตได้
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me