หากพูดถึงเต่ากระ เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องรู้สึกสงสัยว่าพวกเขาคือเตาอะไร ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะที่โดดเด่นและสวยงาม แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับเต่าตนุ ทำให้พวกเขาไม่เป็นที่รู้จักหรือได้รับความนิยมมากมายนัก และถึงแม้จะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างแต่สถานการณ์ของเต่าสายพันธุ์นี้ก็น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเต่าทะเลสายพันธุ์ เพื่อให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญที่พวกเขามีต่อระบบนิเวศ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับเต่ากระ สัตว์ที่เติมเต็มระบบนิเวศทางทะเลให้สมบูรณ์
เต่ากระ เป็นสัตว์ทะเลที่สามารถพบได้ทั่วไปในท้องทะเลไทย แต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักพวกเขาสักเท่าไหร่ ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขามีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลไม่แพ้สัตว์สายพันธุ์อื่นเลยแม้แต่น้อย ลักษณะภายนอกของพวกเขาดูไปมาก็เหมือนกับเต่าทะเลสายพันธุ์ยอดนิยมอย่างเต่าตนุ เพียงแต่เต่ากระจะมีจะงอยปากที่ทั้งแหลมและงุ้มลงคล้ายกับปากนก บนหัวส่วนหน้าจะมีเกล็ด 2 คู่ มีเกล็ดแถวข้าง ข้างละ 4 เกล็ด โดยเกล็ดอันแรกจะไม่ชิดเกล็ดขอบคอแต่อย่างใด
แต่ถึงอธิบายตรงนี้ไปเราเชื่อว่า หลาย ๆ คนก็ยังคงสังเกตและจำแนกพวกเขาออกจากเต่าทะเลสายพันธุ์อื่นได้ยากอยู่ดี เพราะฉะนั้น เราขอแนะนำให้สังเกตที่เกล็ดบนกระดองของพวกเขา เพราะเกล็ดเหล่านี้จะมีลวดลายที่สวยงาม ลักษณะเหมือนกับลำแสงของพระอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาบนโลกมนุษย์ยังไงอย่างนั้น ที่สำคัญเกล็ดยังมีลักษณะทับซ้อนกันไปมา สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ส่วนใหญ่แล้วเต่ากระมักจะมีสีที่เข้มกว่าเต่าตนุและเต่าหญ้า ขาหน้ามีลักษณะคล้ายกับครีบแบน ๆ ช่วยให้พวกเขาสามารถเคลื่อนที่ในน้ำได้สะดวก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถเดินบนผืนทรายได้อย่างไม่ยากเย็น ส่วนขาหลังจะค่อนข้างสั้นและป้อมจนแทบมองไม่เห็นเลยทีเดียว
เมื่อโตเต็มที่พวกเขาจะมีความยาววัดจากกระดองอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร ส่วนน้ำหนักก็ยังสามารถหนักได้ถึง 120 กิโลกรัมเลยทีเดียว ส่วนขนาดตัวโตเต็มวัยที่พบได้ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 70 เซนติเมตร
พฤติกรรมการกิน
เต่ากระเป็นสัตว์เลื้อยคลานก็จริง แต่อาหารของพวกเขานั้นจะเป็นพืชหรือเหยื่อตัวเล็กตัวน้อยที่อาศัยตามแถบน้ำตื้นหรือบริเวณชายฝั่ง มักล่าหอย ฟองน้ำ หรือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตัวเล็ก ๆ กินเป็นอาหาร สามารถกินสัตว์หรือหญ้าทะเลที่มีเข็มพิษเป็นจำนวนมากได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมักจะอาศัยอยู่ตามแนวปะการังน้ำตื้น ที่เต็มไปด้วยอาหารอันอุดมสมบูรณ์นั่นเอง และมันจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมเต่ากระถึงมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เพราะพวกเขาเป็นสัตว์เพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่สามารถกำจัดสัตว์มีพิษเหล่านั้นได้
การขยายพันธุ์
การดำรงชีวิตของเต่ากระนั้นจะไม่ได้อยู่แต่ในท้องทะเลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้ลักษณะการขยายพันธุ์ของพวกเขา เหมือนกับเต่าทะเลธรรมดาทั่วไป วงจรชีวิตจะเริ่มต้นตั้งแต่การฟักออกมาจากไข่ จากนั้นก็ต้องเผชิญกับช่วงที่อันตรายและเสี่ยงตายมากที่สุดนั่นก็คือ
การเดินจากชายหาดลงไปสู่ท้องทะเล หากพวกเขารอดจากศัตรูทางธรรมชาติอย่างปู นกนางนวล หรือฉลามได้แล้ว พวกเขาก็จะใช้ชีวิตจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย ตลอดระยะเวลาที่แสนยาวนาน พวกเขาจะออกเดินทางผจญภัยไปทั่วทั้งท้องทะเล
แต่หลังจากที่ผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้ว เต่ากระตัวเมียจะเดินทางกลับมายังสถานที่แรก ที่พวกมันลืมตาขึ้นมาดูโลก ตัวไหนเกิดที่ชายหาดไหนก็จะเดินทางกลับไปวางไข่ที่ตรงนั้น พวกเขามักจะวางไข่ในช่วงเวลาเช้ามืด ขุดทรายบนชายหาดให้กลายเป็นรู จากนั้นวางไข่ลงไปทีละหลายฟอง
หลังจากนั้นก็ใช้ขาหลังเกลี่ยทรายกลบหลุมให้มิดชิด แล้วเดินทางกลับสู่ท้องทะเล ใช้ชีวิตตามเดิมอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน ลูกเต่าตัวน้อยก็จะฟักตัวออกมาจากไข่และวัฏจักรชีวิตของพวกเขาก็จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
สถานการณ์อันน่าเป็นห่วงของเต่ากระ เมื่อประชากรลดลง
ถึงแม้ว่าเต่ากระจะเป็นหนึ่งในสัตว์นักล่าที่มีขนาดตัวใหญ่โต แถมยังมีกระดองปกคลุมร่างกายที่ทำให้ยากต่อการล่าพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงถูกจัดว่าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อยู่ดี ความจริงแล้วศัตรูตามธรรมชาติของพวกเขาจะมีเพียงแค่จระเข้ ฉลาม หมึกสาย รวมถึงปลาบางชนิดเท่านั้น แต่ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือมนุษย์อย่างเรานี่เอง
เต่ากระมีแนวโน้มจำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ในอดีตที่มนุษย์ล่าพวกเขาเพื่อบริโภคและนำเอากระดองมาใช้ ตอนนี้มนุษย์อาจไม่ล่าพวกเขาแล้วก็จริง แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นเหยื่อของการทำประมงอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีสภาวะแวดล้อมที่เสื่อมโทรมและการบุกรุกที่อยู่อาศัยของพวกเขาโดยมนุษย์ ทำให้เต่าจำนวนไม่น้อยไม่ยอมกลับมาวางไข่ยังชายหาดที่เคยเกิดอีกครั้ง
ในประเทศไทยของเราพวกเขาถูกจัดให้เป็นสัตว์คุ้มครอง แต่ถึงอย่างนั้นปริมาณพวกเขาก็ยังคงลดลงอยู่ดี สุดท้ายแล้วพวกเขาจะยังคงสามารถดำรงเผ่าพันธุ์อยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้อีกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า มนุษย์อย่างเราให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สัตว์สายพันธุ์อื่นมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนรู้ได้ที่ Animalkingdom.me